CWT เล็งทดสอบ “EV Boat-Bus” มิ.ย.นี้ คาดเพิ่มรายได้กว่า 100 ลบ.

CWT เล็งทดสอบ "EV Boat-Bus" มิ.ย.นี้ ก่อนส่งมอบงานตามกำหนด คาดรับรู้รายได้ไตรมาส 3 กว่า 100 ลบ.


นายวีระพล ไชยธีรัตต์ ประธานกรรมการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยถึงทิศทางของธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ที่มีไฮไลต์น่าสนใจทั้งจากกลุ่มธุรกิจออกแบบและจัดจำหน่ายเรือและรถโดยสารขนาดเล็กที่ผลิตด้วยอลูมิเนียม,ธุรกิจพลังงานและการกลับมาของการขายและบริการจากธุรกิจผืนหนัง ซึ่งจะเห็นได้เด่นชัดอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ธุรกิจออกแบบและจัดจำหน่ายเรือและรถโดยสารขนาดเล็กที่ผลิตด้วยอลูมิเนียม ที่บริษัทฯร่วมลงทุนใน “บริษัท สกุลฎ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด” สัดส่วนร้อยละ 50.01 ถือเป็นธุรกิจไฮไลต์สำคัญของ CWT ในปีนี้ ด้วยสกุลฎ์ซีเป็นผู้ผลิตเรือและรถโดยสารขนาดเล็กที่ผลิตด้วยอลูมิเนียมรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย และแทบไม่ได้รับผลกระทบจากสถานกาณ์โควิด-19 เลยในด้านผลประกอบการณ์

โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ออเดอร์รถบัสดีเซล, EV Boat และ EV Bus ที่มีอยู่ในมือ จะพร้อมนำมาวิ่งทดสอบได้ในเดือนมิถุนายนและส่งมอบได้ตามกำหนดการณ์ที่เจรจาไว้กับแต่ละหน่วยงาน ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/2563 อย่างต่ำ 100 ล้านบาท อีกทั้งมีแนวโน้มจะมีออเดอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้โดยสารที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ผู้ประกอบการหันมาปรับใช้รถมินิบัสซึ่งมีทั้งระบบความปลอดภัยและระบบระบายอากาศที่ดีกว่าแทนรถตู้

ส่วนการขายและบริการจากธุรกิจหนังผืนที่ในไตรมาส 1/2563 มีรายได้ลดลงเล็กน้อยจากการหยุดชะงักของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศและยังส่งผลต่อเนื่องถึงการดำเนินงานในปัจจุบัน จากการประเมิณบริษัทคาดว่าธุรกิจประเภทนี้จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี 2563 ด้วยปัจจุบันประชาชนเริ่มคุ้นชินต่อการป้องกันตนที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งภาครัฐเริ่มมีนโยบายผ่อนปรนมากขึ้น ทำให้หลายธุรกิจทยอยกลับมาดำเนินการได้ ทุกภาคฝ่ายสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น

รวมถึงภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ซึ่งบริษัทยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพอยู่ในมือตามเดิม เมื่อกลุ่มลูกค้ามีความพร้อมด้านการผลิต บริษัทก็พร้อมเริ่มเดินเครื่องให้บริการด้านนี้อีกครั้งทันที ซึ่งผลการดำเนินงานของธุรกิจประเภทนี้จะกลับสูงขึ้นดังเดิมตามไปด้วย

ด้านกลุ่มธุรกิจพลังงานกำลังจะมีข่าวดีให้เห็น จากเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่าน ที่บริษัทรายงานเกี่ยวกับบริษัทย่อยคือ “บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด” ได้รับหนังสือแจ้งว่าได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการโครงบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนลงทุนโดยเอกชน เทศบาลนครนครสวรรค์ คาดว่าจะเข้าทำสัญญาโครงการบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชน ได้เสร็จสิ้นภายในช่วงเดือน มิถุนายน – กรกฎาคม 2563 ซึ่งจะเป็นการทำสัญญาว่าจ้างแบบระยะยาว 25 ปี มีมูลค่ารวมประมาณ 590 ล้านบาท จะเป็นรายการที่มาเสริมให้บริษัทมีรายได้ด้านธุรกิจพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยรวมแล้วแม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 จะปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงาน และเมื่อพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าบริษัทฯยังสามารถทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ จากความพยายามบริหารจัดการในทุกๆด้านอย่างรอบคอบแม้ผลกระทบจากปัจจัยภายใจภายนอกหรือที่บริษัทฯไม่สามารถควบคุมได้จะกระจายตัวอย่างรุนแรง แต่บริษัทเริ่มปรับตัวได้แล้ว คาดการว่าทุกประเภทธุรกิจจะสามารถทำผลงานที่น่าพอใจได้ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป

Back to top button