MINT ยืนบนเส้นด้าย

จากวิกฤติการแพร่ไวรัสโคโรนา 2019 นำไปสู่วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้บริหาร จนทำให้เป็นที่น่าจับตาว่า MINT จะก้าวข้ามผ่านวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร.!?


พลวัตปี 2020 : สุภชัย ปกป้อง

จากวิกฤติการแพร่ไวรัสโคโรนา 2019 นำไปสู่วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จึงกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของผู้บริหาร จนทำให้เป็นที่น่าจับตาว่า MINT จะก้าวข้ามผ่านวิกฤติครั้งนี้ได้อย่างไร.!?

ไม่มากก็น้อยสารตั้งต้นของวิกฤติ หนีไม่พ้นการตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้นบริษัท NH Hotel Group, S.A.จนกลายเป็นถือหุ้นใหญ่กว่า 94% ด้วยเม็ดเงินลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาท ถือเป็นการตัดสินใจลงทุนครั้งใหญ่ เพื่อแสวงหาโอกาสสร้างเครือข่ายธุรกิจโรงแรม และนำไปสู่การเติบโตในอนาคต

หากมองเชิงยุทธศาสตร์การเข้าซื้อหุ้น NH Hotel ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องสร้างการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) ผ่านการควบรวมหรือการซื้อกิจการ (Merger & Acquisition : M&A) เพราะถือเป็นทางลัดในสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ MINT ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสัดส่วนกำไรมากกว่า 60% จะมาจาก NH Hotel นั่นเอง

แต่ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่ใช้ซื้อหุ้น NH Hotel สูง ทำให้ MINT ต้องตัดสินใจใช้เงินกู้ระยะสั้น เพื่อปิดดีลซื้อขายหุ้น และมีเงื่อนไขการออกตราสารหนี้ระยะยาว เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้นดังกล่าว จนกลายเป็นผลผูกพันต่อภาระทางการเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

แม้ช่วงไตรมาส 4/63 ที่ผ่านมา MINT มีการบันทึกกำไรจาก NH Hotel เข้ามาแล้ว แต่โชคกลับไม่เข้าข้างเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจโรงแรมของ MINT เห็นได้ชัดจากงบการเงินไตรมาส 1/63 ตัวเลข NH Hotel มีขาดทุนสุทธิกว่า 2,000 ล้านบาท ส่งผลมาถึง MINT พลิกขาดทุนสุทธิกว่า 1,700 ล้านบาท

นั่นจึงทำให้ MINT เกิด “วิกฤติสภาพคล่อง” ขึ้นมาทันที เห็นได้จากข้อมูลงบการเงินสิ้นสุด 31 มี.ค. 63 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 20,711 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียนรวม 45,764 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินหมุนเวียนรวม 55,098 ล้านบาท (เป็นหนี้สินที่ต้องชำระภายใน 1 ปี 30,786 ล้านบาท)

จากตัวเลขข้างต้น นั่นจึงเป็นที่มาของการประกาศเพิ่มทุนและออกหุ้นกู้ เพื่อระดมทุน 25,000 ล้านบาท สำหรับแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน นั่นคือ…

-การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 716 ล้านหุ้น อัตราส่วนหุ้นสามัญเดิม 6.45 หุ้นต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน (คิดเป็น 16% ของทุนจดทะเบียน) มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท

-การจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (MINT-W7) รุ่นที่ 7 (ฟรี) ให้ผู้ถือหุ้นเดิม อัตราส่วน 17 หุ้นสามัญต่อ 1 วอแรนท์มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท

-การออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual bond) มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท

หากมองระยะสั้น น่าจะทำให้ปีนี้ MINT ผ่านพ้น “วิกฤติสภาพคล่อง” ไปได้ แต่เงื่อนไขสำคัญอยู่ที่ธุรกิจโรงแรม ในกลุ่ม MINT จะกลับมาเปิดได้เมื่อใด..หากมองในเชิงบวกกับธุรกิจโรงแรมกลับมาเปิดได้..เท่ากับว่า MINT จะเริ่มมีกระแสเงินสดไหลเข้ามา..

แต่ในทางกลับกันหากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย “ธุรกิจโรงแรม” ไม่สามารถกลับมาเปิดบริการได้ภายในครึ่งปีหลัง MINT อาจต้องเผชิญความเสี่ยงที่จะกลับมาเกิด “วิกฤติสภาพคล่อง” ได้อีกครั้ง.!

วิกฤติไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ ทำให้ MINT ตกอยู่ในสภาวะ “ยืนอยู่บนเส้นด้าย” จริง ๆ..!!!

Back to top button