SAPPE ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังฟื้น รับกำลังซื้อเพิ่ม-ออกสินค้าใหม่

SAPPE ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังฟื้น รับกำลังซื้อเพิ่ม-ออกสินค้าใหม่


นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งหลังปีนี้มีสัญญาณฟื้นตัว หลังกำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศ ประกอบกับรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อบริษัทอีกด้วย

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีราคาถูกลง เน้นเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องดื่ม Functional Drinks ซึ่ง SAPPE เป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน จากทั้งเครื่องดื่มแบรนด์ Beauti Drink และน้ำผสมวิตามิน Blue ที่มีอัตราเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้นำสินค้า น้ำผสมวิตามิน Blue รส Cactus จัดแคมเปญส่งเสริมการขายร่วมกับ GARENA บริษัทเกมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ผ่านเกมส์ Free Fire ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี นอกจากนี้ ยังทยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง เช่น เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว Ice Burst (น้ำแข็งเกล็ดหิมะ), เครื่องดื่มเพรียว พุดดิ้ง รสชานม และกาแฟมัคคิอาโต้ ผสมเจลลี่บุก, เครื่องดื่ม Beauti Jelly 2 รสชาติใหม่ และ กุมิ กุมิ เยลลี่ ที่เน้นทำตลาดผ่านช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม และในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องอีก 3-4 รายการ

สำหรับตลาดต่างประเทศ แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในบางประเทศ แต่ตลาดโซนอเมริกาและยุโรปยังคงเติบโตได้ดี ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสินค้าใหม่ๆ (Non-Mogu) ไปในตลาดส่งออก อาทิ กลุ่มสินค้าในแบรนด์ Beauti Drink กาแฟเพรียว รวมถึง การได้รับความเชื่อมั่นจาก Danone ให้เป็นตัวแทนการส่งออกเครื่องดื่มน้ำวิตามิน Blue ไปยังประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา สปป.ลาว และเกาหลีใต้ โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าทำรายได้รวมให้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปัจจุบัน SAPPE มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 55% และในประเทศ 45%

ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดขาย ประกอบกับแนวโน้มวัตถุดิบมีราคาลดลง รวมทั้งบริษัทสามารถบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้รับปัจจัยบวกต่อเนื่องจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต (Excise tax) เหลือ 3% จากเดิม 10% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทให้ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง

Back to top button