จัดธีม 7 หุ้นเด่น อานิสงส์เยียวยารอบใหม่ เน้นกลุ่มการเงิน-ค้าปลีก

จัดธีม 7 หุ้นเด่น อานิสงส์เยียวยารอบใหม่ เน้นกลุ่มการเงิน-ค้าปลีก


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ โดยพบว่าหลักๆจะกระทบต่อบจ.ทั้งหมด 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่กลุ่ม Finance จะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เพิ่มขึ้น และกลุ่ม Property

สำหรับหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ ประกอบด้วย MTC ,CPALL ,TACC ,BJC , TNP ,TTW และ ORI

โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ม.ค.2564) โดยแนะนำกลยุทธ์ในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการเยียวยาโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ( + ) หุ้นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการเยียวยา COVID-19  โดยวันที่ 12 มกราคม 2564 ครม. ได้เห็นชอบมาตรการเยียวยาเบื้องต้น 3 มาตรการได้แก่

1) เงินเยียวยารอบ 2 ให้ผู้ได้รับผลกระทบคนละ 3,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือน โดย

2) ช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟระหว่าง ก.พ.-มี.ค. 64

3) หารือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ค่าอินเทอร์เน็ต 3 เดือน รวมถึง ขยายเวลาลดภาษีที่ดิน+สิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมการโอน

ทั้งนี้ KTBST ประเมินว่ามาตรการเยียวยาครั้งนี้มีผลระทบจำกัด เมื่อเทียบกับมาตรการที่ออกมาตอน COVID-19 ระบาดครั้งแรก อย่างไรก็ตามกลุ่มที่คาดว่าได้รับผลกระทบเชิงบวกที่สุดคือ กลุ่ม Finance

ข้อ 1 : กลุ่ม Finance จะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เพิ่มขึ้น ทำให้ NPLs และค่าใช้จ่ายสำรองฯปรับตัวลง เราคาดว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ MTC (ซื้อ/เป้า 65.00 บาท) จากฐานลูกหนี้รากหญ้าที่สูง นอกจากนี้ ยังมองเป็นบวกต่อกลุ่ม Commerce หุ้นที่ได้ประโยชน์จะเป็นกลุ่มที่เน้นเกี่ยวกับการบริโภคอุปโภคในชีวิตประจำวัน อย่าง CPALL (ซื้อ/เป้า 80.00 บาท) รวมถึงจะส่งผลดีต่อ supplier ของ 7-11 ด้วย คือ TACC (ซื้อ/เป้า 8.30 บาท) ซึ่ง ให้บริการเครื่องดื่มในร้าน 7-11 (ซื้อ/เป้า 8.30 บาท) และกลุ่มห้างสรรพสินค้า BJC (ถือ/เป้า 43.00 บาท) และ TNP (ซื้อ/เป้า 4.30 บาท)

ข้อ 2: กลุ่มไฟฟ้าได้รับผลกระทบเชิงลบจำกัด เฉพาะโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งขายไฟฟ้าบางส่วนให้กับเอกชนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ (ราว 20% ของกำลังการผลิตแต่ละแห่ง) ส่วนโรงไฟฟ้า IPP และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับภาครัฐจึงไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว

ส่วนมาตรการลดค่าน้ำเป็นเวลา 2 เดือน คาดไม่ส่งผลกระทบต่อ TTW (ถือ/เป้า 14.00 บาท) เนื่องจากบริษัททำสัญญาขายน้ำกับ กปภ. โดยตรง เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะออกมาตรการช่วยเหลือ กปภ.

ข้อ 3: มองเป็นบวกต่อกลุ่ม Property เนื่องจากคาดว่าจะได้ประโยชน์หากมาตรการขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอน (จากเดิมสิ้นสุดไปแล้วในเดือน ธ.ค.2563) ได้รับการอนุมัติ โดยจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01% จากปกติที่ต้องจ่ายค่า 2% ของราคาที่อยู่อาศัย ขณะที่ขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นบวกค่อนข้างน้อย ซึ่งสถานการณ์ปกติผู้ประกอบการจะได้ส่วนลด 90% สำหรับที่ดินรอการพัฒนาในช่วง 3 ปีแรกอยู่แล้ว ส่วน Inventory เดิมปี 2564 จะได้ส่วนลด 50% ซึ่งหากเพิ่มเป็น 90% คาดว่าผลกระทบจะยังไม่มาก สำหรับกลุ่ม Property เรายังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Neutral และหุ้น top pick ได้แก่ ORI ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

Back to top button