VIBHA ถอนตัวจองวัคซีน “โมเดอร์น่า” เหตุไร้ความชัดเจน ฉุดความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ

VIBHA ถอนตัวจองวัคซีน "โมเดอร์น่า" เหตุไร้ความชัดเจน ฉุดความเชื่อมั่นผู้ใช้บริการ


นายชัยสิทธ์ วิริยะเมตตากุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ถอนตัวจากการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของ MODERNA จากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) มาให้บริการลูกค้า เนื่องจากตอนนี้ยังไม่สามารถทราบถึงระยะเวลาที่จะได้รับวัคซีนอย่างแน่ชัดจากผู้จำหน่ายและองค์การเภสัชฯ จึงทำให้ลูกค้าที่เคยสั่งจองวัคซีนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วอาจจะไม่สามารถรอได้และอาจตั้งข้อสงสัยต่อความล่าช้าที่เกิดขึ้น ซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ไม่สามารถให้คำตอบได้เพราะระยะเวลาที่จะได้รับนั้นขึ้นกับทางผู้จำหน่ายวัคซีน MODERNA และองค์การเภสัชฯ

โดยประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้ลูกค้าที่มีรายชื่อจองวัคซีนกับทางโรงพยาบาลเกิดความไม่พอใจเพราะความล่าช้านี้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อด้านคุณภาพการบริการของทางโรงพยาบาลวิภาวดีในสายตาของลูกค้า เพราะหากลูกค้ายินดีที่จะจ่ายเงินฉีดวัคซีนทางเลือกที่โรงพยาบาลจัดหามาแต่ผลปรากฏว่าได้รับการฉีดที่ล่าช้ากว่าการที่รัฐจัดหามาให้บริการประชาชนนั้นก็จะไม่เป็นผลดีต่อคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นคาดว่าการเริ่มฉีดวัคซีนทางเลือกของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนคงจะล่าช้าไปถึงเดือน ธ.ค.64 หรือต้นปี 2565

“ตอนนี้ก็ยังไม่มีคำตอบว่าวัคซีนของ MODERNA จะได้เมื่อไหร่ ถ้าคุณเป็นลูกค้าที่จองฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลแล้วรอไปเรื่อยๆ แต่คนอื่นที่ไม่ได้จองได้ฉีดวัคซีนของรัฐแล้วคุณจะรู้สึกอย่างไร ลูกค้าก็ต้องสงสัยว่าทำไมเราถึงได้ฉีดช้าแน่นอน ซึ่งผมที่ดูภาพรวมโรงพยาบาลวิภาวดีคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะเสี่ยงต่อคุณภาพบริการของโรงพยาบาลในสายตาลูกค้า ก็ตัดสินใจถอนตัวดีกว่า

และจริงๆการฉีดวัคซีนโควิด-19 เราก็ไม่ได้หวังได้กำไรจากการขายวัคซีน เราได้เพียงแค่ค่าบริการนิดหน่อยไม่เกิน 500 บาท/เข็ม ซึ่งน้อยมาก แต่เราอยากช่วยภาครัฐในการกระจายวัคซีนให้คนได้รับวัคซีนมากขึ้นและรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ ถ้าช้าประเทศก็ยังเผชิญกับความเสี่ยง แต่ตอนนี้เราทำไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถสั่งซื้อวัคซีนเองได้ ต้องให้รัฐหรือหน่วยงานของรัฐเป็นคนสั่งเข้ามา”

ทั้งนี้ ด้านข้อเสนอแนะนั้นมองว่าองค์การเภสัชฯควรเปิดระบบแสดงความประสงค์ในการให้ประชาชนเข้าไปสั่งซื้อวัคซีนทางเลือกกับองค์การเภสัชฯโดยตรง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อจะได้ทราบจำนวนความต้องการวัคซีนของประชาชนอย่างแท้จริงโดยอาจจะมากกว่าการที่สอบถามจำนวนความต้องการจากโรงพยาบาลเอกชนและจะทำให้สามารถทราบระยะเวลาการได้รับวัคซีนเข้ามาที่แน่นอน อีกทั้งภาครัฐยังสามารถเพิ่มวงเงินในการสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19ให้กับโรงพยาบาลเอกชนได้มากกว่า 20บาท/เข็ม เพื่อจูงใจให้โรงพยาบาลเอกชนเข้ามาบริการได้มากขึ้น โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นความเห็นในส่วนของโรงพยาบาลวิภาวดีและยังไม่ได้มีการพูดคุยกับสมคมโรงพยาบาลเอกชน

Back to top button