GPSC รุกคืบ “วินด์ฟาร์มไต้หวัน” 595MW โบรกฯชี้มูลค่าหุ้นเพิ่ม 4 บ.

GPSC ลุยถือหุ้น 25% “วินด์ฟาร์มไต้หวัน” 595 MW ฟาก บล.บัวหลวง คาดว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรในช่วง 10 ปีแรก ประมาณ 5-10% และเพิ่มมูลค่าหุ้นอีก 4 บาท


นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% ได้ลงนามกับบริษัท Copenhagen Infrastructure Partners (CIP) เพื่อเข้าลงทุนในสัดส่วน 25% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) นอกชายฝั่ง Changfang and Xidao (CFXD) ในไต้หวัน ขนาดกำลังการผลิต 595 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมจนโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท จากกองทุน Copenhagen Infrastructure II K/S (CI-II) และ Copenhagen Infrastructure III K/S (CI-III) ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารของ CIP คาดว่าจะสามารถดำเนินการโอนหุ้นได้ภายในไตรมาสที่ 2/2565

ทั้งนี้ โครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งดังกล่าว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ห่างจากชายฝั่งมณฑลชางฮัว 13-15 กิโลเมตร ซึ่งโครงการได้มีการระดมทุนแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยกองทุน CI-II และ CI-III ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในโครงการหลังจากการซื้อขายหุ้น

โดยภายหลังเข้าลงทุนโครงการดังกล่าวจะทำให้ GPSC มีกำลังการผลิตคิดเป็น 149 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 25% ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,294 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 34% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 6,761 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจ และกระจายแหล่งผลิตพลังงานทางเลือกให้มีความหลากหลาย นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์การพัฒนาโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในต่างประเทศ ที่จะสามารถสร้างโอกาสและขยายการลงทุนตามกลยุทธ์ของธุรกิจในการเติบโตด้านพลังงานทดแทนในกลุ่มตลาดเป้าหมายต่อไป

สำหรับ CIP เป็นผู้พัฒนาโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind) ในไต้หวัน กำลังการผลิตรวม 595 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการ Changfang กำลังการผลิต 547 เมกะวัตต์ และโครงการ Xidao กำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ โดยโครงการ Changfang เฟส 1 กำลังการผลิต 96 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2565 ส่วนโครงการ Changfang เฟส 2 และ Xidao กำลังผลิตรวม 499 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2566 และทุกโครงการจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในไตรมาสที่ 1/2567

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับบริษัท Taiwan Power Company ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลไต้หวัน และเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้ารายเดียวในไต้หวัน (Single Buyer) ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี โดยมีการกำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าคงที่ในรูปแบบ Feed-in Tariff ตลอดอายุโครงการ จึงเป็นการสร้างความมั่นคงของกระแสเงินสดให้กับบริษัทในระยะยาว

“ไต้หวันถือเป็นหนึ่งพื้นที่ที่มีศักยภาพ และมีความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดชั้นนำของโลก รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนพลังงานสะอาดในทุกประเภท จะเห็นจากอัตราการใช้พลังงานทางเลือกที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้กลุ่ม GPSC ตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าว และพร้อมที่จะขยายการลงทุนต่อเนื่อง” นายวรวัฒน์ กล่าว

สำหรับการเข้าลงทุนในสัดส่วน 25% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) นอกชายฝั่ง Changfang and Xidao (CFXD) ในไต้หวัน ขนาดกำลังการผลิต 595 เมกะวัตต์ทางนักวิเคราะห์ก็ได้มีการปรับมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า GPSC จะเข้าลงทุนถือหุ้น 25% ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวัน กำลังผลิตรวม 595 เมกะวัตต์ ด้วยเงินลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวคิดเป็นเงินลงทุนต่อเมกะวัตต์ 3.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับธุรกรรมการเข้าซื้อโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งในไต้หวันของบริษัทอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ บริษัทเป้าหมายที่จะเข้าซื้อ มีกำลังผลิตที่จะเริ่มดำเนินการในปี 2565 ทั้งสิ้น 96 เมกะวัตต์ และเริ่มดำเนินการในปี 2566 ทั้งสิ้น 499 เมกะวัตต์ โดยขายไฟฟ้าให้แก่บริษัท Taiwan Power Company (รัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นโดยรัฐบาลไต้หวัน) โดยมี PPA ระยะเวลา 20 ปี ในรูปแบบ FiT เบื้องต้นคาดว่าโครงการดังกล่าวจะมี FiT แบบ front-end load (ค่าไฟฟ้าสูงในช่วง 10 ปีแรก และลดลงในช่วง 10 ปีหลัง) โดยคาดว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร (ในช่วง 10 ปีแรก) ประมาณ 5-10% และเป็นอัพไซด์ต่อราคาเป้าหมาย 4 บาท อย่างไรก็ตามคาดว่า GPSC ยังไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน และยังเหลือ investment capacity สำหรับโครงการอื่น ๆ ในอนาคต

ดังนั้น คาดว่าดีลดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อราคาหุ้น GPSC ในด้านกำไรที่เพิ่มขึ้น และในมุมมองของสัดส่วนพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้น (จะส่งผลให้นักลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีการปลดปล่อยมลภาวะต่ำ หันมาสนใจ GPSC มากขึ้น) จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ต่อหุ้น GPSC ด้วยราคาเป้าหมาย 95 บาท (ยังไม่รวมมูลค่าโครงการดังกล่าว)

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า GPSC ประกาศเข้าซื้อหุ้น 41.6% Avaada ประเทศอินเดีย เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ คาดเป็นการต่อยอดฐานกำไรในระยะยาวในธุรกิจโรงไฟฟ้า และช่วยต่อยอดความเชี่ยวชาญในการประกอบการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ อีกทั้งคาดทิศทางกำไรปกติงวดไตรมาส 2/2564 จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2564 จากรายได้ขายไฟฟ้าให้กับทางภาครัฐ ที่คาดจะเพิ่มขึ้น รวมถึงค่า K-Factor ในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่คาดจะปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงฤดูกาล จึงแนะนำ “ซื้อ” ขณะที่มูลค่าทางพื้นฐานอยู่ที่ 82 บาท/หุ้น มีอัพไซด์สูงประมาณ 10% ถือเป็นโอกาสสะสม

Back to top button