FSSIA แนะช้อน 5 หุ้น SET50 ราคาร่วงสวนพื้นฐาน “อัพไซด์” กระฉูด 60%

FSSIA คัด 5 หุ้นจาก SET50 ที่ราคาร่วงแรงก่อนหน้า สวนกับปัจจัยพื้นฐานที่ยังคงเติบโต พร้อมชู BBL – GULF อัพไซด์สูงเกิน 40%


นายทรงกลด วงศ์ไชย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ FSSIA ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าหุ้นบิ๊กแคปจะ Outperform ตลาดบนความไม่แน่นอนของ SET Index

ขณะที่ตลาดคาดว่า SET Index จะปรับตัวสูงขึ้นนำการฟื้นตัวเศรษฐกิจของไทย แต่ SET50 อาจจะยัง Underperform ทั้ง SET และ SET100 จากกลุ่มแบงก์ ปิโตรเคมี และ สาธารณูปโภคที่กดดันตลาด

โดย FSSIA ชี้ให้เห็นว่า SET Index ปรับตัวลดลงจากการขายของนักลงทุน 6.2% จากจุดสูงสุดก่อนหน้าเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2564 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ใหม่ในบางจังหวัด อย่างไรก็ตาม FSSIA เชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะค่อนข้างจำกัดในระยะสั้น ซึ่งการปรับฐานของ SET Index จะทำให้มีอัพไซด์มากขึ้นต่อเป้าหมายที่ทางฝ่ายวิเคราะห์ให้ไว้ที่ 1,700 จุดภายในสิ้นปีนี้ บนพื้นฐานของ P/E 2564 ที่ 19.1 เท่า และ 0.5SD เหนือ NTM P/E ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2553 ถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ FSSIA เชื่อว่าตลาดจะรีบาวน์หลังจากการขายทำกำไรไปแล้ว ซึ่งจะเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อในจังหวะยังอ่อนตัวในหุ้นพื้นฐานแกร่ง

ในระยะยาว FSSIA ยังคงคำแนะนำการลงทุนในหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 และหุ้นที่มีการฟื้นตัวของกำไรที่ดี

ดังนั้น FSSIA จึงคัดหุ้นใน SET50 ที่คาดว่าจะโดดเด่น หนุนโดยมูลค่าที่น่าสนใจ พื้นฐานแกร่ง และภาพรวมกำไรดี ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19สายพันธุ์เดลต้าในประเทศไทย

โดยคัดเลือกจาก 1) หุ้นที่มีผลงานรั้งท้ายใน SET50 ซึ่งอัตราการเติบโตของราคาหุ้นสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของหุ้น 2) มีการเติบโต 2022E EPS สูงสุด 3) มี 2022E ROE สูงที่สุด 4) มีอัตรา 2022E PEG ต่ำสุด (อ้างอิงจาก กำไร CAGR 2020-2023E) และ 5) มี 2022E P/BV ต่ำสุด ประกอบด้วย

CBG ราคาเป้าหมาย 185 บาท // อัพไซด์สูง 22%

FSSIA ระบุว่า CBG เป็นหุ้นที่มี ROE ปี 2565 เป็นอันดับสองจากสูงสุดใน SET50 ซึ่งมองว่าเป็นเพียงไม่กี่หุ้นในกลุ่มบริโภคที่กำไรในไตรมาส 2 นี้จะปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้จากผลประกอบการที่สะดุดลงของ CBG จากความไม่สงบในเมียนมาร์ไตรมาสที่ผ่านมา FSSIA เชื่อว่ากำไรในไตรมาสนี้จะกลับมาเหมือนเดิม หนุนด้วยยอดขายที่สูงในจีน และออเดอร์ค้างในเมียนมาร์ พร้อมเชื่อว่า CBG จะมีผลงานที่โดดเด่นในปี 2565-2566 คาดโต 18% และ 9% ตามลำดับ จากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 และดีมานด์ที่สูงในต่างประเทศ พร้อมทั้งต้นทุนน้ำตาลที่ถูก และภาษี

BGRIM ราคาเป้าหมาย 56 บาท // อัพไซด์สูง 37%

โดยหากดูราคาหุ้นจาก YTD แล้วจะพบว่า BGRIM เป็นหุ้นที่มีผลงานแย่สุดรองจาก RATCH และ PTT โดยราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างมากหลังประกาศระดมทุนเพื่อลงทุน และขยายกิจการในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมองว่าการเทขายของนักลงทุนทำให้ราคาหุ้นตกลงเกินพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท

มองจาก 1) การเติบโตของกำลังการผลิต โดยเฉพาะจาก SPP ทั้ง 7 แห่ง 2) ราคาต้นทุนก๊าซที่ต่ำ หนุนโดยการนำเข้าก๊าซ LNG คิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านบาทต่อปี และ 3) ศักยภาพการเติบโตของกำลังการผลิตในเวียดนาม และประเทศอื่นๆในเอเชีย ซึ่ง BGRIM แสดงถึงความสามารถในการพัฒนาโครงการ และการดำเนินงานให้เห็นแล้ว

GULF ราคาเป้าหมาย 48 บาท // อัพไซด์สูง 43%

FSSIA จัดให้ GULF เป็น Growth Stock ในช่วงสองปีข้างหน้านี้ ซึ่งราคาหุ้น GULF นั้นมีพัฒนาการที่ต่ำกว่า SET50 ในช่วงสองปีที่ผ่านมา จึงทำให้มีอัพไซด์เพิ่มขึ้นจากการลงทุนใน M&A และการเพิ่มกำลังการผลิตทั้งในไทย และต่างประเทศ

โดย GULF จัดเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในไทย และมีอัตราการเติบโตของกำไรที่จับต้องได้สูงที่สุดในกลุ่มพลังงานอื่นๆ ซึ่งกุญแจสำคัญในการเติบโตคือกำลังการผลิตต่อสัดสวนถือครองที่ 18% CAGR ที่จะสูงถึง 6.3GW ภายในปี 2567 ผลักดันโดยต้นทุนก๊าซที่ถูก และการนำเข้า LNG โดยมองว่าการเพิ่มทุน 10% นั้นจะช่วยทำให้มีโอกาสการเข้าซื้อมากขึ้นจากภาพรวมการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง

CRC ราคาเป้าหมาย 44 บาท // อัพไซด์สูง 40%

FSSIA ระบุว่า CRC เป็นหุ้นที่มี PEG ต่ำสุดใน SET50 ที่ทางฝ่ายวิเคราะห์ทำการวิจัย โดยการเทขายหุ้น CRC นั้นเป็นเหตุจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในไทย และการเปิดประเทศที่ช้ากว่าคาด

อย่างไรก็ตาม อิตาลี เป็นประเทศที่มีอัตราการฟื้นตัวเร็วที่สุดในกลุ่มประเทศธุรกิจของ CRC (มียอดขายคิดเป็น 4% จากทั้งหมด) จากการกระจายวัคซีนได้ราว 40% ของประชากรทั้งหมด และร้านค้าทั้งหมดก็กลับมาเปิดบริการตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้มี SSSG ที่ก้าวกระโดดกว่า 100% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในช่วง เม.ษ. ถึง พ.ค. 2564

ทั้งนี้ FSSIA เชื่อว่า CRC จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าจับตาในตีมเปิดประเทศ

BBL ราคาเป้าหมาย 170 บาท // อัพไซด์สูง 63%

สำหรับ BBL นั้นจัดว่าอยู่หุ้นมูลค่า หรือ Value Stock ซึ่ง FSSIA มองว่าเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจมากในการลงทุนระยะยาว จาก 1) มีมูลค่าต่ำ โดยเทรดที่ 0.4x ของ 2022E P/BV 2) มีสินทรัพย์ที่บริหารจัดการได้ พร้อมทั้งการตั้งสำรองที่สูง ส่งผลให้มีโอกาสที่กำไรปี 2564 จะโตอย่างแข็งแกร่ง และ 3) คาดว่าจะมี sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ในปริมานการกู้หลังวัฏจักรการลงทุนกลับสู่ปกติจากการกระจายวัคซีน

Back to top button