“ดาวโจนส์” ปิดลบ 166 จุด วิตกขึ้นภาษีนิติบุคคล – เฟดเร่งลดวงเงิน QE

“ดาวโจนส์” ปิดลบ 166.44 จุด วิตกการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล - เฟดปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล, การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,584.88 จุด ลดลง 166.44 จุด หรือ -0.48%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,432.99 จุด ลดลง 40.76 จุด หรือ -0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,043.97 จุด ลดลง 137.96 จุด หรือ -0.91%

โดยในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 0.1%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.6% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.5%

ขณะที่หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยกลุ่มวัสดุและสาธารณูปโภค ลดลง 2.06% และ 1.59% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่บวกขึ้น 0.07%

ด้านหุ้นไฟเซอร์และโมเดอร์นา ปรับตัวลง 1.3% และ 2.4% ตามลำดับ หลังจากเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐได้ผลักดันเรื่องของการพิจารณาวัคซีนบูสเตอร์ไปให้กับคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระ

หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ร่วง 8.0% หลังบริษัทเปิดเผยแผนการลงทุนมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐถูกกดดันหลังจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทรงตัวในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.ย. โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 71 ในช่วงครึ่งแรกของเดือนก.ย. จากระดับ 70.3 ในเดือนส.ค.ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2554 และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 72 โดยชาวอเมริกันได้ชะลอการใช้จ่าย ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการเสนอปรับขึ้นภาษานิติบุคคลในสหรัฐจากปัจจุบันที่ระดับ 21% เป็น 26.5% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนนั้น ส่งผลกระทบต่อตลาดด้วย

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นนั้น กดดันหุ้นกลุ่มเติบโตซึ่งเป็นหุ้นนำตลาด

ขณะที่บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดการในการปรับลดมาตรการ QE ของเฟด

Back to top button