“โนมูระฯ”ชี้ SET สัปดาห์นี้ Sideways จับตาประชุม ECB 28 ต.ค.นี้ ชู GUNKUL-JMT-TU หุ้นเด่น

“โนมูระฯ”ชี้ SET สัปดาห์นี้ Sideways กรอบแนวต้าน1,658-1,670 จุด แนวรับ 1,629-1,617 จุด จับตาประชุม ECB 28 ต.ค.นี้ ชู GUNKUL-JMT-TU หุ้นเด่น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์หน้า (25-30 ต.ค.64) มานำเสนอ พร้อมปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยครั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจาก บล.โนมูระ พัฒนสิน ซึ่งระบุในบทวิเคราะห์ว่า สัปดาห์นี้ “Sideways” โดยแนวต้านอยู่ที่ 1,658-1,670 จุด แนวรับ 1,629-1,617 จุด

โดยแนะจับตาการประชุม ECB 28 ต.ค.นี้ คาดคงดอกเบี้ยนโยบาย -0.50% ขณะที่ในการประชุมเดือนก.ย. ได้ส่งสัญญาณว่าจะทยอยปรับลดวงเงินของ โครงการ PEPP ในช่วงไตรมาส 4/2564 ซึ่ง Nomura ประเมินว่า ECB จะปรับลดการเข้าซื้อ สินทรัพย์รายเดือน จาก 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน เป็น 7 หมื่นล้านยูโร เดือน อีกทั้งจับตารายงาน GDP ไตรมาส 3/2564 ของสหรัฐฯ 28 ต.ค.นี้ Consensus คาดที่ 3% อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าอย่างมีนัยสําคัญที 6.7%

ด้าน Fund Flows สัปดาห์ที่ผ่านมา (จ-พ) เป็น Net Buy ที่ 570 ล้านเหรียญฯ โดยเป็นแรงซื้อสุทธิในทุกประเทศ ยกเว้นเกาหลีใต้ ซึ่งมากที่สุดในไต้หวัน รองลงมาเป็นไทย โดยไทย 9 สัปดาห์ติดต่อกันรวม 1,551 ล้านเหรียญ ถือเป็นจิตวิทยาบาก

ส่วนไทยสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันลดระดับลงต่ำกว่า 1 หมื่นรายวัน ขณะที่การฉีดวัคซีนในไทยถือว่าเร่งขึ้นไวมาก โดยปัจจุบันไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว 53% ของประชากร แบ่งเป็นเข็มแรก 17% ฉีด ครบ 2 เข็ม 36% เป็นจิตวิทยาบากในการควบคุมการแพร่ระบาด

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดรุนแรงมากขึ้น ปัจจุบันระดับน้ำ ในเขื่อนทั่วประเทศสูงถึง 73% ขณะที่ภาคกลาง 105% ภาคตะวันออก 89% ตะวันตก 86% ตะวันออกเฉียงเหนือ 84% ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน่าอยู่ที่ 2,766 ลบ.ม./วินาที ซึ่งหากการระบายเกิน 3,500 ลบ.ม./วินาที จะมี ความเสี่ยงต่อกทม. จึงมองประเด็นนี้เป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ด้านผลประกอบการของกลุ่มธนาคารรายงานออกมาใกล้ครบทุกธนาคารแล้ว (ขาด BBL) มีกำไรสุทธิรวม 3.43 หมื่นลบ. ดีกว่า Consensus คาดราว 7.2% (โต 17.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ลด 31.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยสาเหตุทีโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการสำรองที่ลดลงโดยหุ้นทีโด เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เด่นสุด ได้แก่ KTB, SCB ขณะที่สาเหตุที่หดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง จากการ lockdown โดยหุ้นที่หดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้ามากที่สุด คือ BAY

อย่างไรก็ตามล่าสุด BBL แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,909.20ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,017.50 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 20,189.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันองปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14,782.99 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานธนาคารพาณิชย์ทั้ง 10 แห่ง ในไตรมาส 3/2564 มีกำไรสุทธิรวม 42,643.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.62% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 29,691.19 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิรวม 140,539.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.54% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 106,837.69 ล้านบาท

โดยกลยุทธ์การลงทุน : จับตารายงาน GDP ไตรมาส 3/2564 ของสหรัฐฯ 28 ต.ค.นี้ ขณะที่ภายในต้องจับตาความเสี่ยงน้ำท่วม กลยุทธ์แนะนำถือหุ้น 50% คงพอร์ต หลักกลุ่ม จะ Outperform SET ได้แก่ ได้แก่ โรงไฟฟ้า(GPSC, GULF, BCPG) โรงพยาบาล BDMS, BH, BCH) กลุ่มสื่อสาร (ADVANC) ส่งออก(KCE, HANA TU) โรงกลั่น(TOP, PTTGC)

สำหรับหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ แนะนำ GUNKUL,JMT,TU โดยบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 6 บาท กำไรไตรมาส 3/2564 โตเด่น + ธุรกิจกัญชงมีความคืบหน้าเร็วๆนี้

ส่วนบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 56 บาท คาดกำไรทั้งปี 2564 โต38% รวมถึงมีโอกาสเข้า SET50 และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 23.80 บาท กำไรทั้งปี 2564 คาดโต 17% พร้อมดัน TFM เตรียมเข้าตลาด 29 ต.ค.นี้

Back to top button