BE8 เทรดสนั่น! ลุ้นวิ่งเหนือเป้า 16 บ. โบรกฯชูพื้นฐานแกร่ง กำไร 3 ปีโตเฉลี่ย 22%

BE8 ขึ้นสังเวียนเทรด mai ลุ้นวิ่งเหนือเป้า 16 บ. โบรกฯการันตีพื้นฐานแกร่ง กำไร 3 ปีโตเฉลี่ย 22% ระดมทุนขยายธุรกิจเพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ หลักทรัพย์ บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BE8”

สำหรับ BE8 และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation ที่ให้บริการแบบครบวงจรในด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM), การวิเคราะห์ข้อมูล และเทคโนโลยีดิจิทัล มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษเกี่ยวกับระบบ CRM ที่ใช้ซอฟต์แวร์ Salesforce และมีซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัทเพื่อต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้า

รวมถึง บริการงานสนับสนุนและดูแลระบบเทคโนโลยีให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์และพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำของโลก เช่น Salesforce, Google, MuleSoft, Tableau และ Snowflake มีลูกค้าทั้งองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) และขนาดเล็ก (SME) โดยร่วมงานกับลูกค้ามามากกว่า 250 โครงการ ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดย BE8 มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 37.5 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 7.5 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 5 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 27-29 ตุลาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 500 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 32.26 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3/2563-ไตรมาส 2/2564) ซึ่งเท่ากับ 62.12 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาทต่อหุ้น โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการ การจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BE8 เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งมั่นในการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน Digital Transformation ของลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์ในธุรกิจมากกว่า 12 ปี กับลูกค้าองค์กรมากกว่า 100 ราย กว่า 250 โครงการ บริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าและยังเป็นพันธมิตรกับบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก

โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Salesforce Summit Partner ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกันจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายซอฟต์แวร์ Salesforce รายแรกในประเทศเวียดนาม สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปลงทุนขยายสาขาไปยังต่างประเทศ ลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจหรือธุรกิจอื่นเพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ทั้งนี้ BE8 มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มนายอภิเษก เทวินทรภักติ ถือหุ้น 49.64% นางสาวนิธินาถ สินธุเดชะ ถือหุ้น 5.31% และนายวรวิญญ์ เทวินทรภักติ ถือหุ้น 5.20% กลุ่มบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองต่าง ๆ ตามกฎหมาย

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BE8 ระบุในบทวิเคราะห์ ประมาณการรายได้และกำไรว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ปี 2563-66 ราว 21% ต่อปี และกำไรเติบโตเฉลี่ย 72% ต่อปี เติบโตในอัตราเร่งที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้

โดยการระดมทุนในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายสาขาไปต่างประเทศ เพื่อลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเอง สามารถลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ หรือธุรกิจอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ประเมินราคายุติธรรม (fair value) ปี 2565 ที่ 16 บาท อ้างอิงค่าเฉลี่ย 2 วิธี คือ PE ปี 2565 เฉลี่ยของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ 31.7 เท่า และวิธี PEG ที่ 1 เท่า

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ คาดรายได้มีทิศทางการเติบโตที่สดใสจากรายได้ประจำ รายได้ประจำของ BE8 คิดเป็นสัดส่วนที่ 39% ของรายได้รวมในปี 2563 ซึ่งทำให้บริษัทมีฐานรายได้ที่มั่นคงและมีความผันผวนต่ำเมื่อเทียบกับบริษัทที่ปรึกษาอื่น ๆ ที่แหล่งรายได้หลักมาจากงานโครงการ BE8

โดยจากการรายงานรายได้ปี 2563 ที่ 312 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานบริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยีที่ 191 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานโครงการ และรายได้ด้านงานบริการเทคโนโลยีอีก 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ประจำ ประกอบด้วยรายได้จากการขายสิทธิการใช้และการเช่าใช้สิทธิการใช้งานและรายได้จากงานสนับสนุนและดูแลระบบเทคโนโลยีและการจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนของรายได้ประจำจะแตะระดับที่ 48% ในปี 2566

พร้อมกันนี้ คาดว่า BE8 จะรายงานกำไรปกติปี 2564-66 ที่แข็งแกร่งด้วยอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 22.7% หนุนจากรายได้ที่สูงขึ้นและความสามารถในการทำกำไรที่มากขึ้น คาดว่ากำไรปกติจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตรา 20.3%/22.3%/25.4% หนุนจากรายได้จากด้านเทคโนโลยีและที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ที่สูงขึ้นเพราะคาดว่าเงินทุนที่ได้รับจากการเปิดขาย IPO จะช่วยให้ BE8 เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนและจำนวนพนักงานได้

ดังนั้นจึงคาดว่าการขยายธุรกิจในต่างประเทศทั้งในเวียดนามและสิงคโปร์จะเป็นอีกปัจจัยหนุนและคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปี 2564-66 จะอยู่ที่ 20.6%/21.4%/21.8% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 20.8% ทั้งนี้ในปี 2563 อัตรากำไรปกติของ BE8 อยู่ที่ 20.8% สูงกว่าระดับเฉลี่ยของคู่แข่งในประเทศที่อยู่ที่ 16.9%

อย่างไรก็ตาม คำนวณมูลค่ายุติธรรม (fair value) ณ สิ้นปี 2565 ของ BE8 ในกรอบ 2.9-3.2 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนราคาเป้าหมายที่ 14.7-15.9 บาท ตัวเลขทั้งกรอบบนและล่างคำนวณจาก PER ที่ 33.29 เท่า ซึ่งเท่ากับ 1.5SD เหนือกว่า PER เฉลี่ยช่วง 5 ปี ของคู่แข่ง โดยคำนวณตัวเลขกรอบล่างจาก adjusted core EPS ที่ 0.44 บาท ซึ่งไม่รวมการดำเนินงานในเวียดนาม

ขณะที่มูลค่าที่เหมาะสมของฝ่ายวิจัยที่ 2.9-3.2 พันล้านบาท คำนวณด้วย PER ที่ 33.29 เท่า ซึ่งถูกกว่ามูลค่าปัจจุบันของ BBIK และ IIG (ณ วันที่ 4 ต.ค.2564) ที่คำนวณด้วย PER ปี 2565 ที่ 41.5 เท่า และ 34.8 เท่า ตามลำดับ ในส่วนของ PEG มูลค่ายุติธรรมของเราสะท้อน PEG ปี 2564-66 ที่ 1.5 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับ BBIK และ IIG

Back to top button