ผู้ถือหุ้น NDR ไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรี 4:1 พร้อมย้ายเทรด SET ปีนี้

ผู้ถือหุ้น NDR ไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรี อัตรา 4:1 อายุไม่เกิน 2 ปี ราคาใช้สิทธิ 3.50 บาท พร้อมย้ายเทรด SET ปีนี้ ตั้งเป้ารายได้รวม 900 - 1,000 ลบ. เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เพิ่มช่องทางขายเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น


นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำงวดผลการงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่  29 เม.ย. 2565

พร้อมทั้งอนุมัติการออกและจัดสรรใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (NDR–W2) จำนวนไม่เกิน 86,722,878 หน่วย ซึ่งไม่เกินร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียนชําระแล้วของบริษัท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสําคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า และกำหนดอัตราการใช้สิทธิแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นสามัญ ในสัดส่วน 1:1 ราคาหุ้นละ 3.50 บาท ทั้งนี้ใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่ออก โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record date) ในวันที่ 7 เม.ย.2565

รวมทั้งอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 86,722,878 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 346,891,514 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 433,614,392 บาท ซึ่งออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 86,722,878 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของบริษัท ครั้งที่ 2 (NDR–W2)

สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ทั้งจากการขยายตัวของธุรกิจเดิมและการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า EV นอกจากนี้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อเสริมสภาพคล่องของบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯมีโครงสร้างทางเงินที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ จะมีความพร้อมทางด้านเงินทุนและสภาพคล่องทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ และเป็นการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว

นอกจากนั้นบริษัทฯ มีแผนดำเนินการย้ายหลักทรัพย์จดทะเบียนจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปีนี้ โดยปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการย้ายเข้าจดทะเบียนและซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ SET จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเข้าลงทุน และเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น

ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 900 – 1,000 ล้านบาท โดยมีแผนขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากปัจจุบันบริษัทฯ เข้าสู่ตลาดประเทศเมียนมา ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว ประเทศมาเลเซีย ประเทศเกาหลี และประเทศฝรั่งเศส เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์ระยะสั้นตามสถานการณ์ โดยวางแผนที่จะปรับโครงสร้างการผลักดันสินค้าโดยเน้นในตัวสินค้าที่มีกำไรสูงเพื่อรักษาอัตรากำไรของบริษัทฯ รวมถึงเพิ่มช่องทางและลงพื้นที่การขายเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะจัดลำดับความสำคัญของการลงทุน และเลือกลงทุนกับโครงการที่มีผลต่อผลประกอบการเป็นลำดับต้น

Back to top button