หอการค้าฯ เสนอรัฐต่อ “คนละครึ่ง-ยืดเพดานหนี้” เปิดทางกู้เงินฟื้นศก.

หอการค้าไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยยังเจอผลกระทบหลายด้าน พร้อมเสนอรัฐบาลขยายมาตราคนละครึ่งเฟส 5 ลดค่าครองชีพให้ประชาชน พร้อมเร่งยืดเพดานหนี้สาธารณะเป็น 70% เพื่อเปิดทางกู้เงินฟื้นเศรษฐกิจไทย


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประเมินว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังประสบปัญหาหลายอย่าง เช่นเรื่องโควิดที่ยังระบาดอยู่ และมีมาตรการของรัฐบาลหลายอย่างที่ทำให้เดินหน้าเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่ โดยแนวทางที่รัฐบาลจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็วที่สุดได้ คือ การเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วประเทศให้เกิน 70% แล้วประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็ว  ซึ่งหากเป็นไปได้ควรประกาศหลังสงกรานต์นี้ เพราะเศรษฐกิจไทย จำเป็นต้องพึ่งพิงทั้งการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนกับต่างชาติ การประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นได้เร็ว จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

นอกจากนั้น เศรษฐกิจไทย ยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่งผลให้ต้องเผชิญกับสินค้าราคาแพงขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจะมีแผนช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนบ้างแล้ว แต่คงยังไม่พอ และอาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงนี้

ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่า การกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นเรื่องสำคัญ โดยมาตรการคนละครึ่ง เฟส 4 กำลังจะหมดรอบในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมามีเม็ดเงินในระบบสะพัดแล้วกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรการที่ได้ประโยชน์และบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนได้จริง จึงเห็นว่า รัฐบาลควรขยายเวลามาตรการคนละครึ่งไปจนถึงสิ้นปี 2565 และควรมีคนละครึ่งเฟส 5 ออกมา ซึ่งวงเงินที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่เฟสละ 1,500 บาท  โดยหอการค้าไทยเชื่อว่า มาตรการนี้จะช่วยลดแรงกดดันที่ต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากภาวะสินค้าราคาแพงได้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ภาคเอชนยังเห็นว่า รัฐบาลควรขยายเวลาการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แบบเต็มจำนวนออกไปก่อน แล้วค่อยทยอยเก็บเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันได ก็จะช่วยลดภาระให้ประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีนี้ได้

นอกจากนี้ ภาคเอกชน ยังเคยเสนอเรื่องขยายเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งรัฐบาลได้เสนอผ่าน ครม.ไปแล้ว ดังนั้น ควรรีบนำเรื่องขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% ให้เป็น 70% ผ่านรัฐสภา เพื่อให้รัฐบาลสามารถกู้เงินมากระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจได้ เพราะขณะนี้เพดานหนี้ใกล้เต็ม 60% แล้ว อีกทั้งเงินกู้เดิมก็เหลือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การกู้เงินเพิ่มมากระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดภาระหนี้ เพื่อ Reboot เศรษฐกิจ และดูแลกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการฟื้นตัว เช่น มาตรการคนละครึ่ง เฟส 5 และขยายสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทย เห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้เกิดการเติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ ภายใต้แนวทาง 4 R คือ Restart การสร้างใหม่ ประเทศจำเป็นต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ BCG หรือ Startup

Reimagine การคิดใหม่ เพิ่มมูลค่า และสร้างความได้เปรียบ ต้องร่วมกันคิดรูปแบบ Business Model ใหม่ หาโอกาสจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งเสริมการนำ EV มาใช้ให้มากขึ้น หรือการนำ AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำ

Recover การพลิกฟื้นเราต้องร่วมมือกันเพื่อประคองธุรกิจ รอโอกาสพลิกฟื้น เช่น การช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจกลับมาเดินหน้าต่อไป รวมถึงการช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน และลดค่าใช้จ่าย

Reform การตื่นตัว เพื่อให้ปรับเร็ว ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันปฏิรูปการทำงานใหม่โดยเฉพาะเรื่องระเบียบหรือกฎหมายที่ล้าสมัยช่วยรัฐบาล Transform สู่ E-Government

สำหรับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยนั้น หอการค้าไทย มองว่า ปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ๆ เหมือนในอดีต จะเป็นไปได้ยากขึ้น และยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าการท่องเที่ยวจะฟื้น เชื่อว่าอย่างน้อย 2-3 ปี ดังนั้นผู้ประกอบการต้องมีการวางแผนธุรกิจใหม่ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น หรือ “นักท่องเที่ยวคุณภาพ” ควบคู่กับพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ มีมาตรฐาน สามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ได้

Back to top button