ต้นทุนพุ่ง! ดึงงบ PTTGC ไตรมาส 1 กำไรเหลือ 4.2 พันลบ. ลุ้น Q2 ฟื้นตัว

ต้นทุนพุ่ง! ดึงงบ PTTGC ไตรมาส 1/65 กำไรเหลือ 4.2 พันลบ. จากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.69 พันลบ. ลุ้นไตรมาส 2 ฟื้นตัว


บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)  หรือ PTTGC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1  สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 มีดังนี้

โดยผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 มีรายได้จากการขายรวม 1.76 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 1.02 แสนล้านบาท โดยรายได้จากการขายรวมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัว เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามราคานน้ำมันดิบ ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งอุปสงค์ที่ฟื้นตัวภายหลังจากที่หลายประเทศทั่วโลกเริ่ม ผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ขณะที่ต้นทุนขายและต้นทุนการให้บริการไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 1.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 8.79 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าช่วงไตรมาส 2/2565 ราคาน้ำมันดิบสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์เริ่มแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 100-112 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำลงจากไตรมาส 1/2565 ที่ขึ้นไปแตะ 139  ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นอกจากนี้บริษัทคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในครึ่งปีหลังอยู่ที่เฉลี่ย 95-103 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยสำนักงานพลังงานสากล หรือ IEA คาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันของโลก ในปี 2565 อยู่ที่ระดับ 99.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปริมาณความต้องการใช้ในปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครน

อนึ่งก่อหน้านายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล  จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า  แนวโน้มยอดขายในปีนี้จะเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ทำได้ 4.65 แสนล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะบันทึกกำลังการผลิตใหม่จากบริษัท Allnex Holding GmbH หลังเข้าซื้อกิจการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมในปีนี้ปรับตัวขึ้นอีก 2% จากปีก่อน

ขณะเดียวกัน Allnex ยังช่วยสนับสนุนอัตรากำไรของบริษัทให้คงที่มากขึ้น เนื่องจาก Allnex มีกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) คงที่ระดับ 17-18% อย่างไรก็ตาม PTTGC มีธุรกิจที่หลากหลาย เมื่อรวมกับกำลังการผลิตจาก Allnex ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

สำหรับในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน กำลังการผลิตประมาณ 50% นำไปต่อยอดสู่ธุรกิจปิโตรเคมี แม้ว่าภาพรวมธุรกิจอะโรเมติกส์ในปีนี้จะไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากมีซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น แต่ในส่วนโอเลฟินส์มาร์จิ้นใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการใช้ feedstock ดังนั้นหากแนฟทาราคาสูง ก็ใช้อีเทน และ LPG แทน เมื่อรวมกับ Allnex จะทำให้มาร์จิ้นคงที่มากขึ้น ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงจากสงครามรัสเซียและยูเครนนั้น บริษัทได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากมีการบริหารความเสี่ยงไว้แล้ว

บล.ทรีนี้ตี้ ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ปี 2565 อาจจะชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่โรงกลั่นยังดีต่อเนืองจาก GRM ทียังสูงในระดับ 10-15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และความผันผวนของราคาน้ำมันลดน้อยลง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Stock gain/loss ไม่มาก ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท

ยังคงคำแนะนำซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 66 บาท อิง Avg PBV ที่ 0.9 เท่าราคาหุ้นปรับลดลงในช่วงเดือนทีผ่านมา เชื่อว่าสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนตัวลงจาก ธุรกิจปโตรเคมีไปบ้างแล้ว

Back to top button