จับตาพรุ่งนี้! “สธ.” จ่อชง ศบค.ชุดใหญ่ เคาะเปิดผับบาร์-ปรับพื้นที่สีเขียว

จับตาพรุ่งนี้! “สธ.” จ่อชง ศบค.ชุดใหญ่ เคาะเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ-ปรับพื้นที่สีเขียว และลดระดับเตือนภัยจากระดับ 3 ในเวลานี้เป็นระดับ 2


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 8/2565 ในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.2565) เพื่อพิจารณาในประเด็นต่างๆ ทั้งการเตรียมผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรมเพิ่มเติม ภายหลังสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มดีขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อลดลง อัตราการเสียชีวิตน้อยลง รวมทั้งอาจมีการพิจารณาปรับพื้นที่สีใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาดโควิด-19

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข ประเมินว่าภายในปลายเดือน พ.ค.นี้ สถานการณ์โควิด-19 ของไทยจะเข้าสู่ระยะโรคลดลง และอาจพิจารณาลดระดับการแจ้งเตือนภัยจากระดับ 3 ในเวลานี้เป็นระดับ 2 อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความจำเป็นที่ยังจะต้องมีมาตรการที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรค พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้กลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลง

ขณะเดียวกันพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) กล่าวว่า ที่ประชุมจะพิจารณาปรับพื้นที่โซนสีให้ผ่อนคลายมากขึ้นจากสีเหลืองเป็นสีเขียวเพิ่มขึ้น รวมทั้งเพิ่มพื้นที่สีฟ้ามากขึ้น เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในบรรยากาศที่สามารถจะผ่อนคลายมาตรการได้ และจะปรับมาตรการอื่นๆ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเดินได้สะดวกกว่าเดิม สามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้คล่องตัว ลดภาระการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย

สำหรับข้อเสนอของผู้ประกอบการให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีการพิจารณาหลายรอบ แต่ทางสาธารณสุขยังมีความกังวลอยู่ แต่ในครั้งนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเห็นได้จากวิธีการจัดการตนเองเมื่อติดเชื้อก็เป็นไปด้วยดี จึงคาดว่าจะได้รับการพิจารณา

ส่วนจะให้เปิดสถานบันเทิงทั่วประเทศหรือไม่นั้น พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนพิจารณา แต่น่าจะดูพื้นที่ปลอดภัยเป็นหลัก และประเมินตามปัจจัยที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางไว้นานแล้วว่าจะต้องพิจารณาจากปัจจัยใดบ้าง หากพื้นที่ใดพร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะพิจารณาจากปัจจัยที่วางหลักเกณฑ์ไว้ ซึ่งเชื่อว่าหากผ่อนคลายสถานบันเทิงจะช่วยให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นแน่นอน อีกทั้งพื้นที่ภาคการท่องเที่ยวก็จะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวด้วย

ด้านการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นเมื่อใดนั้น ขึ้นกับยอดฉีดวัคซีน จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต การบริหารจัดการของแต่ละพื้นที่ การปรับตัวของประชาชน เป็นต้น ขณะนี้ยังเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ โดยนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะประกาศ และมีโอกาสที่จะสามารถประกาศได้เร็วขึ้นหากสถานการณ์อาจเป็นไปตามปัจจัยที่วางไว้

Back to top button