BAY ทุ่ม 5.5 พันล้าน! ซื้อ “โนมูระ พัฒนสิน” จับตาควบเข้า “บล.กรุงศรี” ดันส่วนแบ่งตลาดพุ่ง

BAY ทุ่ม 5.5 พันล้าน! ซื้อ “โนมูระ พัฒนสิน” จับตาควบเข้า “บล.กรุงศรี” ดันส่วนแบ่งตลาดพุ่ง พร้อมส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน "ธุรกิจหลักทรัพย์" ของธนาคาร


ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 คณะกรรมการธนาคารได้มีมติรับทราบการบรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการโดยการซื้อหุ้นในอัตราร้อยละ 99.1 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS จาก Nomura Asia Investment (Singapore) Pte Ltd. (“NAIS”) และมีความตั้งใจที่จะรับซื้อ หุ้นในอัตราไม่เกินร้อยละ 0.9 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ CNS จากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ CNS รวมสูงสุดอัตราร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ CNS

โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมของธุรกรรมสูงสุดประมาณ 155.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 5,501 ล้านบาท (หมายเหตุ: อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 35.416 บาท ณ วันที่ 27 มิถุนายน 2565) โดยใช้เงินทุนของธนาคารในการเข้าซื้อกิจการ

อนึ่ง CNS ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย โดย CNS มีประวัติในการประกอบธุรกิจที่ยาวนานและมีชื่อเสียงในด้าน การให้บริการหลักทรัพย์สำหรับนักลงทุน ซึ่งมีบริการและผลิตภัณฑ์ครอบคลุมตั้งแต่การบริการซื้อขายหลักทรัพย์ อนุพันธ์ และ ตราสารหนี้ บริการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ บริการซื้อขายกองทุนรวมภายใต้ชื่อ iFund และบริการวาณิชธนกิจ เป็นต้น

ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่ธนาคารคาดว่าจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการ จะส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคารดังนี้ 1. สร้างการเติบโตในธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคาร การเข้าซื้อกิจการ CNS จะสร้างการเติบโตในมูลค่าการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ของธนาคาร โดยหากรวม มูลค่าการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ของ CNS กับมูลค่าการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ของธนาคาร ส่วนแบ่งการตลาด โดยรวมจะเพิ่มไปสู่ 15 อันดันแรกของบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยทั้งหมด (หากวัดจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2564) โดยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจะก่อให้เกิด Economies of Scale ในธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคาร ซึ่งจะส่งผลให้ ธนาคารสามารถบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มอัตราการทำกำไรของธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคารได้ในระยะยาว

2.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านความสามารถในการให้บริการและผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น CNS มีบริการและผลิตภัณฑ์ในธุรกิจหลักทรัพย์ที่หลากหลายและครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ซึ่ง ประกอบด้วย บริการซื้อขายหลักทรัพย์ อนุพันธ์ และตราสารหนี้สำหรับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันบริการซื้อขาย กองทุนรวมภายใต้ชื่อ Fund บริการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ บริการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศ บริการยืมและให้ยืม หลักทรัพย์ (SBL) และบริการวาณิชธนกิจ เป็นต้น อีกทั้งบริการซื้อขายกองทุนรวม (iFund) ยังเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการลงทุน กองทุนรวมชั้นนำ การเข้าซื้อกิจการ CNS จึงเป็นการส่งเสริมให้ความสามารถในการให้บริการในธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคาร ครอบคลุมบริการ ผลิตภัณฑ์ และความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจหลักทรัพย์ ของธนาคารในระยะยาว

3.สร้างการเติบโตเพิ่มเติมในธุรกิจตลาดทุนของธนาคาร การรวมความสามารถในการให้บริการตลาดทุนให้แก่บริษัทต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ การระดมทุนด้วยการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ และหน่วยลงทุน ของ CNS และธนาคารในปัจจุบัน จะทำให้ธุรกิจตลาดทุนของธนาคารมีบริการและผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและตอบสนองความ ต้องการของลูกค้านิติบุคคลของธนาคารมากยิ่งขึ้นและสร้างการเติบโตเพิ่มเติมในธุรกิจตลาดทุนของธนาคาร

4.เสริมสร้างความสามารถในการจัดทำบทวิเคราะห์ ธุรกิจหลักทรัพย์ของธนาคารจะได้ประโยชน์จากการรวมทีมนักวิเคราะห์ของ CNS ส่งผลให้ธนาคารสามารถรวม ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของทีมนักวิเคราะห์ปัจจุบันและของ CNS เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดทำบทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพมากขึ้น

ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่าทางธนาคารกรุงศรีได้การเข้าซื้อกิจการบล. โนมูระ พัฒนสิน อาจเป็นการควบรวมกิจการหลักทรัพย์ และช่วยเสริมส่วนแบ่งการตลาดของ บล.กรุงศรีเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจากอันดับการซื้อขายโบรกเกอร์ประจำวันที่ 1-28 มิ.ย.2565 มูลค่าการซื้อขายรวมของบล.กรุงศรี อยู่ที่ราว 24,467.15 ล้านบาท และมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 679.64 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 1.09% ซึ่งอันดับซื้อขายของโบรกเกอร์อยู่ที่อัน 27 ขณะที่บล.โนมูระอยู่ที่ 30,487.21 ล้านบาท และมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 846.87 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 1.35% ซึ่งอันดับซื้อขายของโบรกเกอร์อยู่ที่อัน 22 

ดังนั้นเมื่อรวมส่วนแบ่งการตลาดของบล.ทั้ง 2 แห่ง รวมกันมูลค่าซื้อขายรวมอยู่ที่ 54,954.36 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาดรวมอยู่ที่ราว 2.44% ดังนั้นหากทั้งสองบริษัทมีการควบรวมกิจการเป็นหนึ่งเดียวคาดว่าจะดันส่วนแบ่งการตลาดขยับขึ้นติด 1 ใน 10 อันดับซื้อขายโบรกเกอร์

สำหรับส่วนแบ่งการตลาดโบรกเกอร์ 10 อันดับแรก ณ ประจำวันที่ 1-28 มิ.ย.2565 ได้แก่ 1. บล.เกียรนาคินภัทร อยู่ที่ 19.36% ,2.เคจีไอ(ประเทศไทย ) อยู่ที่ 8.71% ,3. บล.คิงฟอร์ด อยู่ที่ 5.70% ,4.บล.ฟินันเซีย ไซรัส อยู่ที่ 5.49% ,5.บล.เจพีมอร์แกน(ประเทศไทย) อยู่ที่ 5.49% ,6. บล.ยูบีเอส(ประเทศไทย) อยู่ที่ 4.72% ,7. บล.บัวหลวง อยู่ที่ 4.27% ,8.บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) อยู่ที่ 3.97% ,9 บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) อยู่ที่ 3.39 % และ10.บล.เคดิต สวิส(ประเทศไทย) อยู่ที่ 3.39%

Back to top button