“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! นักลงทุนรอผลประชุมเฟด-ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในเช้าวันนี้ โดยนักลงทุนบางส่วนขานรับปัจจัยบวกหลังเกาหลีใต้เปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวดีกว่าในไตรมาส 1 ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ข้อมูล GDP ของสหรัฐ และรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,682.20 จุด ลดลง 17.05 จุด หรือ -0.06%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่  20,676.68 จุด เพิ่มขึ้น 113.74 จุด หรือ +0.55% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,254.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.80 จุด หรือ +0.12%

โดยธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งดีกว่าในไตรมาส 1 ที่มีการขยายตัว 0.6% และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4%

ทั้งนี้หากเทียบเป็นรายปี ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของเกาหลีใต้ขยายตัว 2.9% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.5% ทั้งนี้ ตัวเลข GDP ของเกาหลีใต้ได้รับแรงหนุนจากการอุปโภคบริโภคที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน หลังจากรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการควบคุมโรคโควิด-19 แพร่ระบาด โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนพุ่งขึ้น 3% ซึ่งฟื้นตัวหลังจากที่ปรับตัวลง 0.5% ในไตรมาส 1

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ ขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 77.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 22.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการประมาณการครั้งที่ 1 ส่วนตัวเลข GDP สหรัฐประจำไตรมาส 1 หดตัวลง 1.6%

อย่างไรก็ดีตลาดยังจับตาความเคลื่อนไหวหุ้นของบริษัทอาลีบาบา ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน หลังเปิดเผยในวันนี้ว่า บริษัทจะยื่นขอจดทะเบียนหุ้นในฮ่องกง โดยอาลีบาบาคาดว่า การจดทะเบียนดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้อาลีบาบาเป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน 2 ตลาดซึ่งได้แก่ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นนิวยอร์ก