THRE ส่งซิกงบ Q4 สดใส จ่อดัน BVG เข้า mai ต้นปี 66

THRE แย้มงบไตรมาส 4 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เตรียมดัน “บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป” เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ช่วงต้นปี 66


นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจไตรมาส 4 ว่ายังมีทิศทางที่ดี หลังจากไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 แล้ว และบริษัทมีรายได้จากบริษัทย่อยที่มีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น

โดยต่อจากนี้ไปธุรกิจของ THRE คาดว่าจะเริ่มกลับมาเติบโตสู่ภาวะปกติได้ สะท้อนจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว รวมถึงผู้บริโภคตระหนักถึงการทำประกันภัยด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประกันสุขภาพ กลุ่มธุรกิจประกันภัยอสังหาริมทรัพย์ ประกันภัยรถยนต์ และประกันภัยน้ำท่วม รวมถึงภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ คาดว่าจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนเตรียมขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

สำหรับความคืบหน้าการนำ บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้  โดยหลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  ( ก.ล.ต.) ไปแล้วเมื่อช่วงเดือนก.ย. 65 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา  โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้น IPO ช่วงไตรมาส 1/66

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/65 งบการเงินเฉพาะกิจการพลิกมีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท จากไตรมาส 3/64 ขาดทุน 335 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid -19 แล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/65 และมีรายได้จากบริษัทย่อยที่มีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเข้ามาสนับสนุน

ด้านงบการเงินรวมในไตรมาส 3/65 มีเบี้ยประกันภัยต่อรับ 984 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/65 ที่ขาดทุน 20 ล้านบาท โดยมีปัจจัยค่าสินไหมจากเหตุการณ์น้ำท่วม และการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้บริษัทประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19

ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 65 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อรับจำนวน 3,216 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิจำนวน 2,932 ล้านบาท ส่วนผลการรับประกันภัยต่อ ปรับตัวดีขึ้น 16% เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบ Covid-19 โดยหากพิจารณากรณีไม่รวมผลกระทบ Covid-19 บริษัทจะมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปี 65 อยู่ที่ 173 ล้านบาท หรือคิดเป็น Combined ratio 93.4% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 92.3% ซึ่งมาจากประสิทธิภาพของการรับประกันภัยขยายตัวจากส่วนงาน Personal line และ Commercial line ที่มีผลการดำเนินงานที่ดี

ทั้งนี้ แนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 65 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าปี 64 แน่นอน หลังไม่ได้รับผลกระทบ Covid-19 ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ยังเติบโตได้ดี ตามการเติบโตของธุรกิจ Non-Conventional หรืองานบริการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตร

รวมถึงรายได้ใหม่จากธุรกิจ AI (Artificial Intelligent) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนรายได้จากพอร์ตการรับประกันของบริษัท แบ่งเป็น อุบัติเหตุและสุขภาพ 48% กลุ่มรถยนต์ 30% อสังหาริมทรัพย์ 12% ขนส่งสินค้าต่างประเทศ 2% และประกันภัยประเภทอื่น 8%

Back to top button