ฉลุย! ผู้ถือหุ้น SCB โหวตผ่านหุ้นกู้แสนล้าน ลุยสินเชื่อ-สินทรัพย์ดิจิทัล

ประชุมผู้ถือหุ้น SCB โหวตผ่านหุ้นกู้วงเงิน 1 แสนล้าน ระดมทุนลุยธุรกิจสินเชื่อบุคคล-สินทรัพย์ดิจิทัล โบรกมอง “บวก” ช่วยหนุน SCB ลุยธุรกิจตามแผน คาดกำไร Q4/65 แตะ 9.7 พันล้านบาท โต 10%


บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ระบุว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 19 ม.ค.65 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายตราสารหนี้ทุกประเภท ในสกุลเงินบาท และ/หรือ สกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงหุ้นกู้ระยะสั้น และ/หรือ หุ้นกู้ระยะยาว และเหรือ หุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนเมื่อเลิกกิจการ (perpetual debentures) และ/หรือ หุ้นกู้ด้อยสิทธิ และ/หรือ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และ/หรือ ไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มีประกัน และ/หรือไม่มีประกัน และ/หรือ ตราสารหนี้อื่นๆ ภายในวงเงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่าในเงินสกุลอื่น

โดยเสนอขายในประเทศ และ/หรือ ในต่างประเทศ โดยการเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง และ/หรือ ผู้ลงทุนประเภทสถาบันที่กำหนดตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ/หรือ ประชาชนทั่วไป และเหรือ ผู้ถือตราสารหนี้เดิม โดยอาจจะออกและเสนอขายตราสารหนี้ในคราวเดียวหรือหลายคราวได้ตามที่เห็นสมควร และสามารถออกและเสนอขายตราสารหนี้เพิ่มเติม และ/หรือ ออกและเสนอขายตราสารหนี้เพื่อทดแทนตราสารหนี้เดิมที่มีการไถ่ถอนไปแล้วได้ภายในวงเงินดังกล่าว โดยมีกำหนดเวลาการออกและเสนอขายภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ตราสารหนี้ที่บริษัทออกจำหน่ายแล้วในขณะใดขณะหนึ่งจะต้องมีจำนวนเงินไม่เกินวงเงินดังกล่าว

ทั้งนี้ให้คณะกรรมการบริษัท และ/หรือ บุคคลที่คณะกรรมการบริษัทมอบหมายมีอำนาจในการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับตราสารหนี้ ประเภทหลักประกัน สกุลเงิน จำนวนเงินอายุ มูลค่าที่ตราไว้ ราคาเสนอขาย อัตราดอกเบี้ย สิทธิในการไถ่ถอน การกำหนดอายุโครงการ และ/หรือ การกำหนดวงเงินที่เป็นวงเงินหมุนเวียนสำหรับกรณีที่เป็นการออกตราสารหนี้ระยะสั้น วิธีการและระยะเวลาการออกและเสนอขาย ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ และดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควร ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ดังนี้

 

 

 

 

 

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB กล่าวว่า การได้รับอนุมัติวงเงินการออกตราสารหนี้ไม่เกิน 100,000 ล้านบาทหรือเทียบเท่าในสกุลอื่นของ SCBX นี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นต่อกลยุทธ์และความเข้มแข็งทางการเงินของบริษัท เพื่อบริษัทจะได้มีความคล่องตัวในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินการตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ โดยจะมุ่งเน้นการขยายและพัฒนา 3 ธุรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตสูง ได้แก่ 1. สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล (Consumer Finance) 2. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) และ 3. ธุรกิจแพลตฟอร์ม (Platform Business) เป็นหลัก  รวมถึงนำไปลงทุนในเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ที่จะเป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจแห่งโลกอนาคต และเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate Tech) ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาสำคัญของโลก โดยแผนการลงทุนนี้เป็นการเตรียมความพร้อมในการขยายธุรกิจของกลุ่ม SCBX สู่ระดับภูมิภาค และเพิ่มมูลค่าบริษัท

“ทั้งนี้ การดำเนินการเสนอขายหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดทุนและโอกาสในการลงทุนในแต่ละปี เพื่อให้มีโครงสร้างการระดมทุนที่เหมาะสมที่สุด บริษัทขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในแนวทางและแผนการดำเนินงานในการสร้างให้กลุ่ม SCBX เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก สร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น และนำพาประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน”

ขณะที่ก่อนหน้านี้นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย เผยว่า มั่นใจว่าผลการประชุมฯ ในการขออนุมัติเพื่อออกตราสารหนี้วงเงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาท จะได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นแน่นอน ซึ่งเป็นผลดีต่อตัวธุรกิจ SCB ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ตามแผนงานที่วางไว้

ส่วนบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า คาดกำไรไตรมาส 4/2565 ของ SCB ที่ 9,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาส 4/2564 ส่วนปี 2566 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 43,645 ล้านบาท เติบโต 10% จากการเติบโตของสินเชื่อ โดยอาจเห็นการขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มที่ให้ดอกเบี้ยสูงมากขึ้น ขณะที่ NIM คาดทรงตัว โดยแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลบวกต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือ Net Interest Margin : NIM จะเป็นปัจจัยชดเชยการปรับขึ้นเงินนำส่ง FIDF ได้

ทั้งนี้ ยังคงจับตาดูความคืบหน้าการขยายธุรกิจ Digital ผ่านบริษัทลูกต่าง ๆ อาทิ CardX, AutoX, InnovestX ฯลฯ ภายหลังการปรับโครงสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2565 ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้รวมเติบโตสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ต่อ SCB พร้อมปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็นสิ้นปี 2566 มีราคาเป้าหมายที่ 142 บาท/หุ้น

Back to top button