“ธปท.” ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นชัดปี 65 รับท่องเที่ยวหนุน

ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ ภาพรวมเศรษฐกิจในเดือนธ.ค.ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวที่เริ่มมีการฟื้นตัว  ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาเปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค. 2565 ยังฟื้นตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน แม้ได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง โดยมีแรงส่งจากภาคบริการที่ขยายตัวต่อเนื่องตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง

โดยในเดือน ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยจำนวน 2.24 ล้านคน โดยในไตรมาส 4/2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 5.4 ล้านคน ส่งผลให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีอยู่ที่ 11.15 ล้านคน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เป็นแรงส่งให้ภาคท่องเที่ยวและบริการขยายตัวได้ที่ระดับ 2.5% และการขนส่งผู้โดยสารก็ยังเติบโตได้ดีตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ยกเว้นภาคการค้าและการขนส่งสินค้าที่ยังได้รับแรงกดดันที่ส่งผ่านมาจากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลง

ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ที่ระดับ 0.6% และไตรมาส 4/2565 ติดลบ 5.6%เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนในหลายหมวด โดยเฉพาะหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า และหมวดเคมีภัณฑ์ ที่ลดลงตามอุปสงค์โลกที่ชะลอลง

ขณะที่การผลิตบางหมวดเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะหมวดปิโตรเลียมหลังจากได้ปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นครั้งใหญ่ในช่วงก่อนหน้า ส่วนเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนในเดือน ธ.ค. ติดลบ 1.2% และในไตรมาส 4/2565 ติดลบ 4.5%

ทั้งนี้ที่ท่องเที่ยวดีขึ้น เพราะจีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาด ขณะที่ในไตรมาส 4/2565 การส่งออกได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอ ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจจึงมีทั้งขาบวกและลบ โดยเฉพาะส่งออกที่แรงส่งอาจจะน้อยลง ดังนั้นส่งออกอาจจะไม่ได้วิ่งไปเหมือนกับภาคการท่องเที่ยว โดยอาจจะต้องรอดูปลายปีว่าภาพของเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจจะชัดเจนว่าไม่ได้แย่ แต่ช่วงนี้ส่งออกอาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจคู่ค้าชะลออยู่ระยะหนึ่ง ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมดของไทย อาจจะต้องรอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์

Back to top button