เปิดโผหุ้น “ได้-เสีย” เริ่มใช้ดัชนีใหม่ SET50FF-SET100FF

“บล.กรุงศรี พัฒนสิน” เปิดหุ้นได้-เสียจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มใช้ดัชนีใหม่ SET50FF และ SET100FF เริ่ม 1 ม.ค. 67 เผย BBL- KBANK- BDMS- SCB- SCC เงินกองทุนเข้าซื้อรวมกันสูงสุดเกือบ 3 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มใช้ดัชนีใหม่ SET50 และ 100 Free Float Adjusted Market Capitalization Weighted Index หรือ SET50FF และ SET100FF สำหรับเป็นทางเลือกในการใช้เป็นดัชนีอ้างอิง (Benchmark) ของกองทุนเพิ่มเติมจากดัชนี SET50 และดัชนี SET100 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ประเมินการเข้ามาของดัชนีใหม่อาจทำให้กองทุนบางส่วนซึ่งใช้ SET50 และ SET100 เดิม เปลี่ยนมาใช้ดัชนีใหม่เป็น Benchmark แทน

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS ระบุว่า ได้ประเมินผลกระทบด้านบวก คือหุ้นใน SET50 ที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักสูงสุด 5 อันดับแรก คำนวณ ณ ราคาปิดวันที่ 26 ธ.ค. ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL (+202 ถึง +807 ล้านบาท), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK (+141 ถึง +564 ล้านบาท), บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS (+140 ถึง +559 ล้านบาท), บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB (+140 ถึง +558 ล้านบาท) และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (+97 ถึง +386 ล้านบาท)

ส่วนผลกระทบด้านลบ หุ้นใน SET50 เดิม ที่มีโอกาสถูกลดน้ำหนักสูงสุด 5 อันดับแรก คำนวณ ณ ราคาปิดวันที่ 26 ธ.ค. ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA (-363 ถึง -1,454 ล้านบาท), บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT (-175 ถึง -703 ล้านบาท), บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF (-133 ถึง -535 ล้านบาท), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC (-82 ถึง -329 ล้านบาท) และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP (-82 ถึง -329 ล้านบาท)

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุอีกว่า ต้นปี 2567 ปีมังกร คาดตลาดหุ้นไทยมีความคาดหวังเชิงบวกจาก Outlook ปี 2567 ที่ประเมิน GDP Growth เติบโต 3.4% มากกว่า ศักยภาพ 3.0%, EPS Growth 2567 ขยายตัว 15.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับภายในสัปดาห์นี้ความคึกคักของการบริโภคช่วง 45 วันแรกของปี 2567 มีโอกาสเร่งจากมาตรการ Easy E-Receipt เริ่ม 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2567 ผสานรายงานเงินเฟ้อไทยที่จะประกาศวันศุกร์คาดอยู่ระดับต่ำ -0.35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายไทยปี 2567 น่าจะทรงตัว หรือมี Downside Risk อาจปรับลง

โดยรวมทำให้เดือน ม.ค. 2567 มีโอกาสสูงจะเกิด January Effect (ดัชนีหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเป็นบวกช่วงเดือน ม.ค. จาก 10 ปีย้อนหลังเฉลี่ย +1.87%) ส่วนหุ้นนำตลาด คาดกลุ่มได้ประโยชน์ยีลด์พีก, กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการ E-Receipt เด่น

Back to top button