จับตา! VGI-BTS ขาย KEX ราคาเทนเดอร์ฯ รับเงินเฉียด 2 พันล้านบาท

“เอสเอฟฯ” ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ซื้อหุ้น KEX หาก VGI ตัดขายหุ้นทั้งหมดที่ถือจะรับเงิน 1.48 พันล้านบาท ขณะที่ BTS รับเงิน 485 ล้านบาท พร้อมลดปัญหาไม่ต้องตั้งสำรองการด้วยค่าเงินลงทุนใน KEX ต่อไปในระยะยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีของ Kerry Logistics Network Limited (KLN) ซึ่งดำเนินการให้ บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์หลังจากธุรกรรมการจ่ายปันผลพิเศษแบบมีเงื่อนไขบรรลุผลทั้งหมดของบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX นอกเหนือจากส่วนที่ SFTH ถืออยู่แล้วปัจจุบันสัดส่วน 52.06% โดยจะทำคำเสนอซื้อในส่วนที่เหลือในราคาหุ้นละ 5.50 บาท  

ทั้งนี้ “เอสเอฟฯ” ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯซื้อหุ้น KEX นั้น อาจทำให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อย่าง บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ที่ถือหุ้นจำนวน 269,230,900 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15.45% และบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ที่ถือหุ้นจำนวน 88,100,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 5.06% อาจต้องขบคิดว่าจะยอมตัดขายหุ้นออกหรือไม่ เพื่อลดปัญหาการตั้งสำรองการด้วยค่าเงินลงทุนใน KEX ต่อไป

โดยเบื้องต้นก่อนหน้านักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีความกังวลงบไตรมาส 3/2566-2567 ของ VGI จะมีผลขาดทุนสุทธิ 2,700-2,900 ล้านบาท หลักเป็นผลขากทุนจากการตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุนในหุ้น KEX และขาดทุนจากการดำเนินงานกว่า 170-180 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มงบปี 2566/2567 อาจมีผลขาดทุนสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท

ขณะที่นักวิเคราะห์หลายแห่ง ประเมินว่า การตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุน KEX ดังกล่าวอาจดีต่อ VGI ระยะยาว เนื่องจากจะเป็นการรับรู้ทีเดียวและไม่ได้เป็นรายการเงินสด นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง จะต้องทำคำเสนอซื้อทั้งหมดของกิจการและหาก VGI จะตัดสินใจออกจากการลงทุนนี้โดยการขายหุ้นในการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว จะทำให้ VGI ได้รับเงินสดเข้ามา และไม่มีการรับรู้ขาดทุนเพิ่มเติมในอนาคต จากธุรกิจขนส่ง ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด และเป็นธุรกิจที่ทำให้ VGI มีผลขาดทุนช่วงที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับข้อมูลของบล.ซีจีเอส-ซีไอ เอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BTS อาจต้องตั้งด้อยค่าการลงทุนจากการลงทุน  KEX

ดังนั้นหาก VGI และ BTS คิดตัดขายหุ้นทั้งหมดตามคำเสนอซื้อดังกล่าวของ “เอสเอฟฯ” นั้น จะทำให้ VGI ได้เงินสดเข้ามาจำนวน 1,480.77 ล้านบาท ขณะที่ BTS จะได้เงินสดเข้ามาจำนวน 484.55 ล้านบาท

ขณะที่ข้อมูลจาก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า สำหรับ VGI ซึ่งถือหุ้นใน KEX ยังไม่รู้ VGI จะตัดสินใจอย่างไร แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำ เพราะต้นทุนของ VGI อยู่ที่ราว ๆ 18-20 บาท ซึ่งถ้าขายหมด 15.45% ที่ถืออยู่น่าจะต้อง book ขาดทุนราว ๆ 3,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินไป

ส่วนของ BTS ก็ถือหุ้น KEX อยู่ราว 5% เหมือนกัน ก็อาจจะได้ผลบวกด้วยแต่น่าจะน้อยกว่า VGI แต่ต้นทุนก็อยู่ที่ราวๆ 10 กว่าบาทเหมือนกัน ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์คิดว่าเขาอาจจะยังไม่ขาย tender offer ในรอบนี้

Back to top button