SET สัปดาห์นี้ “Sideways Up” จับตา GDP ไทย Q4/66-ฟันด์โฟลว์ ชู BJC-CPALL-MINT หุ้นเด่น

“บล.กรุงศรี พัฒนสิน” ชี้ SET สัปดาห์นี้ “Sideways Up” จับตา GDP ไทยไตรมาส 4/66-ฟันด์โฟลว์ ชู BJC-CPALL-MINT หุ้นเด่น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมกลยุทธ์ลงทุนในสัปดาห์นี้ (19-23 ก.พ.67) จากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ KCS โดยประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ “Sideways Up” โดยมีแนวต้าน 1,400-1,416 จุด และแนวรับ 1,374-1,366 จุด

โดยสัปดาห์นี้เรื่องหลักจะอยู่ที่ภายในนำโดยการรายงาน GDP งวดไตรมาส 4/66 คาดมีโอกาสเห็นภาพองค์ประกอบการเปลี่ยนแปลงสินค้าคงคลังถ่วงการฟื้นตัวยังต่ำ แต่มองเป็นจุดต่ำสุด และ SET เริ่มฟื้นตัวได้หลังจากนั้น โดยคาดหุ้นกลุ่มบริการ ท่องเที่ยว บริโภคที่ขับเคลื่อน GDP ปี 2567 ฟื้นตัวนำตลาดต่อ เน้น AOT, AAV, MINT, CPALL, CPAXT, BJC ผสาน หุ้นได้ประโยชน์วงจรดอกเบี้ยปลายทาง กลุ่ม Growth เน้น BBIK โรงไฟฟ้า เน้น GPSC เช่าซื้อ

ส่วนหุ้นเด่นสัปดาห์นี้: แนะนำ BJC, CPALL, MINT โดย BJC แนะนำราคาเป้าหมาย 36 บาท CPAXT กำไรเด่นบ่งชี้การบริโภคฟื้นตัวทั่วถึงขึ้น คาดดีต่อ BJC ด้วย ส่วน CPALL ราคาเป้าหมาย 76 บาท ลุ้นรับภาพบวกกำไรไตรมาส 4/66 ดีกว่าตลาดคาด หลัง CPAXT เด่น และ MINT แนะนำราคาเป้าหมาย 40 บาท เศรษฐกิจยุโรปเริ่มฟื้นตัวเร่ง บวกต่อ MINT ที่มีรายได้ยุโรป 50%

ด้านปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยในสหรัฐวันที่ 21 ก.พ. ติดตามรายงานการประชุม Fed รอบ ม.ค. และ 22 ก.พ. ติดตาม PMI ภาคการผลิตสหรัฐเดือนก.พ. (เบื้องต้น) คาด 50.1 จุด vs prev. 50.7 จุด PMI ภาคบริการ ก.พ. (เบื้องต้น) คาด 52 จุด vs prev. 52.5 จุด และยอดขายบ้านมือสองในสหรัฐเดือนม.ค. คาด +5% เทียบเดือนก่อนหน้า vs prev. -1%

ส่วนในยุโรปวันที่ 21 ก.พ. ติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. ตลาดคาด -15.8 จุด vs prev -16.1 จุด และ 22 ก.พ. PMI ภาคผลิต ก.พ. รายงานเบื้องต้น ตลาดคาด 50.1 จุด vs prev. 50.7 จุด และ PMI ภาคบริการ ตลาดคาด 48.7 จุด vs prev. 48.4 จุด

ขณะที่จีนวันที่ 20 ก.พ. ติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี ตลาดคาดอายุ 1 ปี ปรับลง -2 bps สู่ระดับ 3.43% และอายุ 5 ปี ปรับลง -5 bps สู่ระดับ 4.15%

ส่วนทิศทาง Fund Flow  สัปดาห์ที่แล้วเงินทุนไหลเข้า (หุ้น+พันธบัตร) ส่วนภูมิภาค Asia (exJ) -4,331 ล้านเหรียญฯ และไทยเงินไหลออก -252 ล้านเหรียญฯ (ขายหุ้น -92 ล้านเหรียญฯและขายพันธบัตร -160 ล้านล้านเหรียญฯ)

Back to top button