
IRPC งบ Q1 โชว์ EBITDA แตะ 1.6 พันล้านบาท! ขาดทุนต่ำกว่าคาด
IRPC เผยงบการเงินไตรมาส 1/68 มีรายได้จากการขายสุทธิ 6.22 หมื่นล้านบาท ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 1,596 ล้านบาท ทำให้ขาดทุนสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาท
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568 พบว่า บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิ ดังนี้
บมจ.ไออาร์พีซี รายงานผลดำเนินการงวดไตรมาส 1/2568 พลิกขาดทุนสุทธิ 1,206.06 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,544.55 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายสุทธิอยู่ที่ 62,224 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 74,644 ล้านบาท ลดลง 12,420 ล้านบาท หรือร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยมีสาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยลดลงร้อยละ 13 ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง และปริมาณขายลดลงร้อยละ 4 สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมมี Market GRM ที่ลดลงจากส่วนต่างราคานํ้ามันเบนซินและน้ำมันดีเซลเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ธุรกิจปิโตรเคมี มี Market PTF ที่ลดลงจากปริมาณการขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโอเลฟินส์ที่ปรับตัวลดลง และความต้องการซื้อที่ยังไมพื้นตัว ในขณะที่ กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคมีกำไรขั้นต้นค่อนข้างคงที่ ส่งผลให้ บริษัทฯ มี Market GIM ลดลง 1,732 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ บันทึก Net Inventory Gain ลดลง 1,652 ล้านบาท ส่งผลให้ บริษัทฯ มี Accounting GIM อยู่ที่ 4,518 ล้านบาท ลดลง 3,384 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มี EBITDA อยู่ที่ 1,596 ล้านบาท ลดลง 3,084 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2567
รวมไปถึง บริษัทฯ บันทึกค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เป็นผลจากสินทรัพย์ที่เพิ่มจากโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) อีกทั้ง ต้นทุนทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจาก บริษัทฯ กู้เงินเพิ่มจากธนาคารในช่วงปี 2567 และบันทึกขาดทุนจากการลงทุน 657 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/2567 ที่บันทึกกำไรจากการลงทุน 140 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ บันทึกผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 1,206 ล้านบาทเทียบกับไตรมาส 1/2567 ที่บันทึกกำไรสุทธิ 1,545 ล้านบาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาด IPRC จะยังรายงานขาดทุนในไตรมาส 1/2568 ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/2567 ที่มีกําไร 1.5 พันล้านบาท และขาดทุนเพิ่มมากขึ้นจากไตรมาส 4/2567 ที่ขาดทุน 1.1 พันล้านบาท คาด Market GIM ที่ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดลงจากไตรมาส 4/2567 ที่ 9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมาจากกลุ่มโรงกลั่นที่มี Crack Spread ปรับลดลง คาดว่าจะมี Stock gain ประมาณ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังประมาณการปี 2568 ที่ขาดทุน 4.7 พันล้านบาท แนวโน้มปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัว ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันผลประกอบการ บริษัทฯ เตรียมที่จะ Optimize หน่วยต่าง ๆ ในบริษัทใหม่ทั้งหมด โดย Unit ไหนที่ผลิตภัณฑ์มี spread ที่ต่ำไม่คุ้มก็จะหยุดดำเนินการ เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ออกขายหุ้นกู้จำนวน 6 ชุด มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่น จากนักลงทุน โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A-(tha) จากทริสเรทติ้ง หุ้นกู้ ประกอบด้วยอายุตั้งแต่ 2 ปี 10 เดือน ถึง 9 ปี อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 3.34% – 4.35%
ดังนั้นแล้ว บริษัทฯ สามารถ rollover หนี้ระยะสั้นได้ คงราคาเป้าหมายที่ 1.15 บาท คงราคาเป้าหมายที่ 1.15 บาท อิง Avg PBV -2SD ที่ 0.35 เท่า และคงคําแนะนําเพียงแค่ “ถือ” ถึงแม้ว่า 3 เดือนที่ผ่านมาราคาจะปรับลดลงมากว่า 30% จนทำให้มี Upside แต่แนวโน้ม ธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังไม่ฟื้น ประกอบกับสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงเป็นปัจจัยเสี่ยง