
NUT ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โตทะลุ 8% ลุยแผนออกสินค้าใหม่ จ่อรับออเดอร์พุ่ง
NUT เข้าเทรด mai วันแรก มั่นใจแผนเติบโตยั่งยืน เดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ ขยายช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เตรียมรับออเดอร์ลูกค้าเก่าซ้ำ พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโตไม่ต่ำกว่า 8%
นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) ของบริษัทในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้น และเป็นส่วนสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัท โดยบริษัทมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อผลักดันการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในทุกมิติ
“ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า ทีมงานผู้บริหารได้วางแผนรองรับไว้แล้วทั้งในส่วนของการดำเนินงานระยะสั้น เพื่อสร้างแรงผลักดันในเชิงการตลาด และในระยะยาว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง” นายภาคิณ กล่าว
โดย NUT มีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างเต็ม รูปแบบภายในโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมด้วยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ประกอบกับจุดเด่นด้านการตลาดและการบริการหลังการขาย ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
รวมถึงส่งเสริมศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทในด้านการตลาด ผ่านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิตคอนเทนต์ (Content) และใช้พรีเซ็นเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายสำหรับสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอาง โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโตไม่ต่ำกว่า 8% อยู่ที่ 1,100-1,200 ล้านบาท ขณะที่บริษัทยังตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) จะเติบโตระดับมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 5% แม้ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยอาศัยจุดแข็งจากการที่บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในการขยายตัวอีกมาก ทั้งนี้ การระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ถือเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยเร่งการเติบโตของบริษัท พร้อมสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่นักลงทุนในระยะยาว
โดยบริษัทมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม ซึ่งสามารถสร้างอัตราการซื้อซ้ำได้ในระดับกว่า 60% การที่ลูกค้าเก่ากลับมาซื้ออย่างต่อเนื่องช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการขายและการจัดจำหน่าย โดยการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากฐานลูกค้าเดิม และการลงทุนในด้านประชาสัมพันธ์และการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์จะเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว
ในด้านการบริหารจัดการ บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการขายหรือการประชาสัมพันธ์
สำหรับบริษัทมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเสริมและเครื่องสำอาง โดยตั้งเป้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มดังกล่าวให้ได้ประมาณ 50 รายการ (SKU) ภายในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้า และมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าอื่นๆ อีกอย่างน้อย 20-30 รายการภายในปีเดียว ทั้งนี้ หลายโครงการอยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกับพันธมิตร
ด้านช่องทางการจำหน่ายหลักของบริษัทในปัจจุบันคือช่องทางออนไลน์ โดยมีการกระจายสินค้าใน Modern Trade อยู่แล้ว ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงและทดลองสินค้าได้โดยตรง ในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายเพิ่มเติมในรูปแบบออฟไลน์ อาทิ การโฆษณาผ่านสื่อบิลบอร์ด และการเปิดโชว์รูม เพื่อรองรับการเติบโตของแบรนด์ ในขณะเดียวกัน บริษัทมีความพร้อมด้านกำลังการผลิต โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนในโรงงานเพิ่มเติมในระยะนี้
อย่างไรก็ดี บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีภาระหนี้สิน และมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจในภาพรวม และเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว