
AURA ออกหุ้นกู้มีหลักประกัน ชูดอกเบี้ย 4.50% ขายสถาบัน-รายใหญ่ เปิดจอง 5-7 ส.ค.นี้
AURA ออกขายหุ้นกู้มีหลักประกันครั้งแรก ในอัตราดอกเบี้ย 4.50% เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ คาดว่าเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 5 - 7 ส.ค. 68
บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ผู้นำค้าปลีกทองคำครบวงจร ได้ยื่นร่างแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในตลาดทุนไทย ด้วยการออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งแรกที่ค้ำประกันด้วยทองคำและสินค้าคงเหลืออื่น ๆ เช่น Aurora Diamond, Design Gold เต็มมูลค่า ครอบคลุม 100% ของหนี้ทั้งหมด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง
ทั้งนี้ AURA ออกและเสนอขาย “หุ้นกู้มีประกันของ AURA ครั้งที่ 1/2568 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570” (“หุ้นกู้”) อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันและ/หรือนักลงทุนรายใหญ่ คาดว่าเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 5 – 7 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Stable”
โดยความพิเศษของหุ้นกู้ AURA ครั้งนี้อยู่ที่หลักประกันซึ่งเป็นสินค้าคงเหลือของบริษัท โดยกว่า 90% เป็นทองคำรูปพรรณ 96.5% และประมาณ 10% เป็นสินค้าคงเหลืออื่น ๆ ได้แก่ Aurora Diamond และ Design Gold (เช่น กรอบพระ เครื่องราง ของขวัญที่ทำจากทองคำ) มาค้ำประกันลำดับที่ 1 ครอบคลุมหนี้ทั้งหมดทั้งจากหุ้นกู้และเจ้าหนี้สถาบันการเงิน โดยมูลค่าหลักประกันจะอ้างอิงราคาที่ต่ำกว่าระหว่างต้นทุนจริงกับราคาตลาดทองคำ 96.5% (ราคาสมาคมค้าทองคำ ณ วันสิ้นงวดบัญชี)
สำหรับกรณีที่เป็นสินค้าคงเหลือประเภทอื่นจะอ้างอิงราคาที่ต่ำกว่าระหว่างต้นทุนจริงกับราคาที่คาดว่าจะขายได้ (Net Realizable Value) เพื่อความมั่นใจของผู้ลงทุน และหากมูลค่าหลักประกันลดลงต่ำกว่า 10,560 ล้านบาท บริษัทจะเติมหลักประกันเพิ่มให้ครบทุกไตรมาส
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ยังมีสิทธิเรียกร้องหลักประกันเทียบเท่าเจ้าหนี้สถาบันการเงินรายอื่น ๆ และหากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถเข้าควบคุมและขายสินค้าคงเหลือเพื่อนำไปชำระหนี้ตามมูลค่าที่จดทะเบียนไว้
อีกทั้ง เงินทุนจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทตั้งใจนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ ทั้งการขยายเครือข่ายสาขาเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งเครื่องประดับแฟชั่น ของขวัญ และการลงทุนการขยายธุรกิจรับซื้อทองในช่วงที่ราคาทองคำขึ้นสูง รวมถึงการขยายธุรกิจ Gold Financing ภายใต้แบรนด์ ทองมาเงินไป ซึ่งเป็นธุรกิจขายฝากทองคำที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนในสินทรัพย์อื่น และชำระคืนหนี้บางส่วน เงินทุนนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตที่มั่นคงในอนาคตของบริษัท
อย่างไรก็ตาม AURA เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกเครื่องประดับทองคำชั้นนำในประเทศไทยซึ่งให้บริการแบบครบวงจร เช่น การขายปลีกและการรับซื้อทองคำ รวมทั้งการให้บริการรับขายฝากทองคำ ที่ผ่านมามีผลกำไรจากการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 1 ปี 2568 มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 398.4 ล้านบาท เติบโตกว่า 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถขยายพอร์ตลูกหนี้ขายฝากอยู่ที่ 5,182 ล้านบาท เติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
โดย ณ เดือนมีนาคม 2568 มีสาขาทั้งสิ้นจำนวน 508 แห่ง เพิ่มขึ้นจาก 406 แห่งในปี 2566 การขยายตัวนี้ส่วนใหญ่มาจากการขยายสาขา “ร้านทองมาเงินไป” จำนวน 83 แห่ง ร้าน “เซ่งเฮง” และ “AURORA” จำนวน 13 แห่ง