
CGSI แนะถือ “หุ้นค้าปลีก” ชี้ยอดขายสาขาเดิมฟื้น ชู CPALL-MOSHI เด่น
CGSI ประเมินยอดขายสาขาเดิมกลุ่มค้าปลีกไทยส.ค.68 ยังติดลบแต่ปรับตัวดีขึ้นจากก.ค. หนุนจากวันหยุดยาว ไม่ใช่การใช้จ่ายฟื้นตัวจริง คงมุมมอง “ถือ” เลือก CPALL-MOSHI เด่นสุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของกลุ่มค้าปลีกไทยในเดือนสิงหาคม 2568 ยังคงติดลบ แต่ถือว่าดีกว่าในเดือนกรกฎาคม โดยจากการศึกษาบริษัทค้าปลีก 8 แห่ง พบว่ายอดขายสาขาเดิมของ BigC, 7-Eleven, Lotus’s, CRC และ GLOBAL มีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ Makro ค่อนข้างทรงตัว ส่วน MegaHome และ DOHOME ลดลงต่อเนื่องเพราะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา อย่างไรก็ตาม MOSHI ยังคงโดดเด่น คาดยอดขายสาขาเดิมโตราว 7% สูงกว่าที่คาดการณ์
โดยยอดขายสาขาเดิมที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือนสิงหาคมมีปัจจัยหนุนจาก “calendar effect” มากกว่าการฟื้นตัวของกำลังซื้อ โดยเดือนดังกล่าวมีวันหยุดสุดสัปดาห์รวม 12 วัน เทียบกับ 10 วันในปีก่อน ทำให้ผู้ค้าปลีกสินค้าไม่จำเป็น (luxury) ได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากยอดขายในวันหยุดสูงกว่าช่วงปกติถึง 10-20% เทียบกับสินค้าจำเป็นที่เพิ่มเพียง 5-10% ทั้งนี้ การเพิ่มวันหยุด 2 วันคาดส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิมผู้ค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่ม 0.6-1.3 จุดเปอร์เซ็นต์ ผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่ม 0.3-0.6 จุดเปอร์เซ็นต์ และร้านสะดวกซื้อได้ประโยชน์เพิ่มเติม โดยบางสาขาในแหล่งท่องเที่ยวมียอดขายพุ่งขึ้นถึง 20-30%
สำหรับเดือนกันยายน 2568 CGSI ประเมินว่ามีวันหยุดสุดสัปดาห์เพียง 8 วัน ลดลงจาก 9 วันในปีก่อน จึงเป็นปัจจัยลบต่อการใช้จ่ายและ sentiment ของกลุ่มค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าปลีกสินค้าจำเป็นน่าจะมียอดขายสาขาเดิมค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากเทศกาลสารทจีนจัดขึ้นในเดือนกันยายน โดยมองว่า CPAXT จะได้อานิสงส์มากที่สุดจากโครงสร้างยอดขายอาหารที่สูงถึง 36.8%
ขณะที่ CGSI มองว่า แม้ยอดขายจะปรับขึ้นแต่เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลและฐานต่ำ ไม่ใช่การใช้จ่ายที่ฟื้นตัวจริง จึงเชื่อว่าอุปสงค์ยังคงเป็นรูปแบบ L-shape ซึ่งจะจำกัดการเติบโตของกำไรผู้ค้าปลีกในภาพรวม โดยยังคงน้ำหนักการลงทุน Neutral ในกลุ่มค้าปลีกไทย แต่เลือก CPALL และ MOSHI เป็นหุ้นเด่น โดยมี upside risk จากการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ขณะที่ downside risk มาจากการบริโภคที่อ่อนแอและความไม่แน่นอนทางการเมือง
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ให้มุมมองเชิงบวกต่อ CPALL จากการประเมินมูลค่าที่ P/E 14.7 เท่าในปี 2568 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีที่ 21.6 เท่า และมีแนวโน้มทำกำไรแข็งแกร่ง โดยกำไรสุทธิคาดจะเติบโตเฉลี่ย 12.8% ต่อปีในช่วงปี 2567-2570 ขณะที่ MOSHI เป็นผู้ค้าปลีกรายเดียวที่อาจมีการปรับประมาณการกำไรขึ้นต่อเนื่อง จากโมเมนตัมยอดขายสาขาเดิมที่แข็งแกร่งกว่าที่ประเมิน