
CGSI แนะ “ซื้อ” KTC ชูพีอีต่ำ-ปันผลเด่น อัพเป้าใหม่ 34 บาท
“ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล” ประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/68 ของ KTC สอดคล้องคาดการณ์ กำไรสุทธิ 1.95 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 34 บาท ชี้มูลค่าน่าสนใจ ปันผลโดดเด่น 4.9–5.3% ต่อปี
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (CGSI) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวน 1.95 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็นร้อยละ 75 ของประมาณการทั้งปี ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหมายของตลาด
กำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) ในไตรมาส 3 เติบโตร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน และร้อยละ 0.4 จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่สูงขึ้น แม้ว่ายอดสินเชื่อจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0.3 จากปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ 0.5 จากไตรมาสก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 4.1 จากสิ้นปี 2567 ทั้งนี้ ไตรมาส 3 มักเป็นช่วงที่ผลประกอบการของ KTC อ่อนตัว แต่คาดว่าสินเชื่อในไตรมาส 4 จะเติบโตจากฤดูกาลจับจ่ายปลายปี
ด้านปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในงวด 9 เดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 จากปีก่อน ยังต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่ร้อยละ 10 ขณะที่อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นร้อยละ 1.88 จากร้อยละ 1.87 ในไตรมาสก่อน แต่ยอด NPL และสินเชื่อ Stage 2 ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนถึงนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุมและการบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพ
อัตราการสำรองหนี้สูญอยู่ที่ 539 bps ลดลงทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL สูงที่ร้อยละ 426 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 420 ในไตรมาส 2/68 อัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ (Yield) เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15.3 ขณะที่ต้นทุนทางการเงินทรงตัวที่ร้อยละ 3.0 ส่งผลให้ NIM เพิ่มขึ้น 30 จุดฐาน มาอยู่ที่ร้อยละ 13.7 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากปีก่อน และร้อยละ 2.4 จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงร้อยละ 0.3 จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 จากไตรมาสก่อน
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ได้ปรับปีฐานประเมินมูลค่าเป็นเดือนธันวาคม 2569 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มจาก 31 บาทเป็น 34 บาท หรือเท่ากับ P/BV ที่ 1.81 เท่าในปี 2569 โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากมูลค่าหุ้นยังน่าสนใจที่ระดับ P/E 10 เท่า และ P/BV 1.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเกือบ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พร้อมคาดว่า KTC จะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงสุดในกลุ่ม Non-bank ที่ร้อยละ 4.9–5.3 ต่อปีในช่วงปี 2568–2570
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงในระยะกลางคือการเติบโตของสินเชื่อที่อาจต่ำกว่าคาด และการตั้งสำรองที่อาจสูงขึ้น ขณะที่ปัจจัยบวกคือการมีมูลค่าหุ้นที่ยังถูก อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง และอัตราหนี้เสียต่ำเป็นอันดับสองในกลุ่ม Non-bank ของไทย