ศาลยกเลิกแผนฟื้นฟูกิจการ! CV เดินหน้าขายสินทรัพย์–เพิ่มทุน หวังแก้ปัญหาหนี้เร่งด่วน

CV แจงศาลล้มละลายกลางยกคำร้องฟื้นฟูกิจการ เหตุแผนยังไม่ชัดเจน เดินหน้าแก้หนี้ควบคู่แผน 7 มาตรการ ทั้งเร่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้า-ขายสินทรัพย์–เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุน มุ่งชำระหนี้หุ้นกู้ 3 รุ่น กว่า 883 ล้านบาทครบภายใน 24 มี.ค.69


บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์จำกัด (มหาชน) หรือ CV แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายในวันที่ 30 กันยายน 2568 นั้น บริษัทฯขอเรียนแจ้งรายงานความคืบหน้าความคืบหน้าเกี่ยวกับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568

โดยบริษัทฯได้รับทราบว่า ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ด้วยพิจารณาว่า บริษัทฯ ไม่ได้แสดงรายละเอียดอย่างชัดแจ้งถึงเหตุอันสมควรและช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯในการดำเนินการต่อไปนั้น บริษัทฯ จะดำเนินการจัดทำแผนการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อดำเนินการเจรจากับเจ้าหนี้ของบริษัทฯต่อไป โดยบริษัทฯ จะเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้

1.ดำเนินการรับจำนำหุ้น Fernview Environmental Pty Ltd. (Fernview) จากบริษัท เอ็มแปด โฮลดิ้ง จำกัด (M8H) เพื่อเป็นหลักประกันการชำระหนี้ให้แก่บริษัทฯ ในระหว่างที่ M8H ยังไม่สามารถขายกิจการ Fernview ได้สำเร็จ ภายในเดือนตุลาคม 2568 และติดตามให้ M8H เร่งปิดการขายหุ้น Fernview เพื่อนำเงินมาชำระหนี้คืนให้แก่บริษัทฯ โดยมีกำหนดให้นำเงินมาชำระคืนบริษัทฯ และคาดว่าจะได้เงินคืน จำนวนประมาณ 237 ล้านบาท (ไม่รวมดอกเบี้ยสะสมร้อยละ 15 ต่อปี) ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2569

2.ดำเนินการเร่งเปิดโรงไฟฟ้าให้ครบทุกแห่ง รายละเอียดโรงไฟฟ้าและสถานะปัจจุบัน ดังนี้

-บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์ โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.แพร่ กำลังการผลิตไฟฟ้า 9.40 MW กำลังการขายไฟฟ้าตามสัญญา 8 MW อายุสัญญา คงเหลือ 10 ปี 4 เดือน สถานะในปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการปรับโครงสร้างหนี้กับ สถาบันการเงิน และเตรียมความพร้อม ของเครื่องจักรสำหรับการผลิต  โดยคาดว่าจะดำเนินการผลิตได้ภายใน เดือนธันวาคม 2568

-บจ. โคลเวอร์ พิษณุโลก โรงไฟฟ้าชีวมวล จ.พิษณุโลก กำลังการผลิตไฟฟ้า 4.90 MW กำลังการขายไฟฟ้าตามสัญญา 4.5 MW อายุสัญญาคงเหลือ 12 ปี 10 เดือน สถานะในปัจจุบันอยู่ระหว่างการซ่อมแซมเครื่องจักรหลัก Turbine โดยคาดว่าจะดำเนินการผลิตได้ภายใน ต้นเดือนธันวาคม 2568

-บจ. โคลเวอร์ พิจิตร โรงไฟฟ้าขยะ จ.พิจิตร กำลังการผลิตไฟฟ้า 2.00 MW กำลังการขายไฟฟ้าตามสัญญา 1.88 MW อายุสัญญาคงเหลือ 14 ปี 2 เดือน สถานะในปัจจุบันดำเนินการผลิตได้ตามปกต

-บจ. สยามเพลเล็ท พาวเวอร์ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม จ.สระบุรี กำลังการผลิตไฟฟ้า 7.36 MW กำลังการขายไฟฟ้าตามสัญญา 6.8 MW สัญญาต่อเนื่อง สถานะในปัจจุบันดำเนินการผลิตได้ตามปกติ

3.ดำเนินการขายโรงไฟฟ้าบางแห่งเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ โดยวางแผนว่าจะขายให้แล้วเสร็จ และคาดว่าจะได้เงินสุทธิ (หลังหักชำระหนี้เจ้าหนี้จำนอง) ประมาณ 240 – 330 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2569 โดยปัจจุบัน โรงไฟฟ้าบางแห่งอยู่ระหว่างผู้ซื้อทำการตรวจสอบสถานะกิจการ (Due Diligence) และเจรจาข้อตกลงซื้อขาย และโรงไฟฟ้าบางแห่งอยู่ระหว่างการติดต่อหาผู้ซื้อ

4.ดำเนินการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่ทรัพย์สินหลัก (Non-Core Assets) ของบริษัทฯ โดยวางแผนว่าจะขายให้แล้วเสร็จ และและคาดว่าจะได้เงินสุทธิ (หลังหักชำระหนี้เจ้าหนี้จำนอง) ประมาณ100 – 160 ล้านบาท ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2569โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างผู้ซื้อทำการตรวจสอบทรัพย์สิน (Due Diligence)

5.ขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ออกหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) เป็นจำนวนเงินไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทโดยจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นและเรียกให้ชำระเงินเพิ่มทุนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนเตรียมการ เนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทก่อน เพื่อดำเนินการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป

6.พิจารณาหาพันธมิตรทางธุรกิจที่สนใจเข้ามาลงทุนและเพิ่มทุนในบริษัทฯ (เฉพาะในกรณีที่ไม่สามารถเพิ่มทุนโดยเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ได้ครบตามจำนวนเงินที่ต้องการ)

7.เริ่มดำเนินการฟ้องร้องคดีเพื่อติดตามทวงถามค่าเงินลงทุนในการเข้าซื้อบริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพแนนเชียล จำกัด ซึ่งปัจจุบัน ที่ปรึกษากฎหมายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทฯ อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารและเตรียมการฟ้องคดีผ่านขั้นตอนของ Singapore International Arbitration Centre (SIAC) รวมถึงการเตรียมชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีโดยที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ เร่งจะดำเนินการฟ้องคดีโดยเร็วภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568

ทั้งนี้ ในการขายทรัพย์สินทุกรายการของบริษัทฯ ที่กล่าวข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

ส่วนการชำระหนี้คืนให้แก่หุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น ปัจจุบัน บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ได้ดำเนินการยื่นฟ้องคดีต่อ บริษัทฯ กรณีผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้รุ่น CV257A ซึ่งส่งผลให้เกิดเหตุผิดนัดไขว้ (Cross-Default) ต่อหุ้นกู้รุ่น CV251A และ CV25NA เพื่อเรียกร้องให้บริษัทฯ ชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหุ้นกู้ทั้งสามรุ่น ดังต่อไปนี้

-“หุ้นกู้ของ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 โดยเลื่อนวันครบ กำหนดไถ่ถอนครั้งที่ 1 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดหุ้นกู้ โดยเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในภายหลัง” หรือ หุ้นกู้รุ่น CV251A จำนวน 451,800,000 บาท (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างชำระและดอกเบี้ยผิดนัด)

-“หุ้นกู้ของ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิ ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน” หรือ หุ้นกู้รุ่น CV257A จำนวน 300,300,000 บาท (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างชำระและดอกเบี้ยผิดนัด)

-“หุ้นกู้ของ บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2566 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิ ไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน” หรือ หุ้นกู้รุ่น CV25NA จำนวน 131,400,000 บาท (ไม่รวมดอกเบี้ยค้างชำระและดอกเบี้ยผิดนัด)

ทั้งนี้บริษัทฯ มีแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว โดยดำเนินการตามข้อ 1. ถึง 7. ข้างต้น ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถ ชำระหนี้หุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่นเต็มจำนวนได้ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2569 และหากบริษัทฯ สามารถดำเนินการรายการใดได้แล้วเสร็จก่อน ระยะเวลาที่กำหนดไว้ข้างต้น บริษัทฯจะนำเงินที่ได้รับมาชำระดอกเบี้ยให้แก่หุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น และชำระคืนเงินต้นให้แก่หุ้นกู้แต่ละรุ่นเรียง ตามลำดับการถึงกำหนดชำระเดิมต่อไปในทันที

ในส่วนการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในเรื่องการรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้แก่ นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล และนาง นฤมล ศักดิ์สิทธิเสรีกุล นั้น ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2568 เป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ตามมติคณะกรรมการ บริษัท ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

(ก)นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล วงเงินให้กู้ยืมทั้งหมด จำนวน 71,985,169.23 บาท คงเหลือวงเงินให้กู้ยืม จำนวน 29,335,500 บาท มีต้นเงินกู้ค้างชำระ 42,650,109.54 บาท และดอกเบี้ย ค้างชำระรวมจำนวน 444,010.99 บาท

(ข) นางนฤมล ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ไม่มีวงเงินให้กู้ยืมคงเหลือ มีต้นเงินกู้ค้างชำระ 5,253,508 บาท และดอกเบี้ยค้างชำระรวมจำนวน 61,134.15 บาท โดยชำระดอกเบี้ยพร้อมกับการชำระคืนเงินต้น ซึ่งการกู้ยืมดังกล่าวไม่มีหลักประกัน และไม่มีข้อจำกัดในการกู้ยืมที่อาจกระทบสิทธิของผู้ถือหุ้น

ทั้งนี้การกู้ยืมเงินดังกล่าวมีลักษณะเป็นวงเงินหมุนเวียนระยะสั้น การชำระ คืนขึ้นอยู่กับการบริหารเงินสดของบริษัทฯ ไม่มีเงื่อนไขการกู้ยืมที่สำคัญอื่นใด และไม่มีสิทธิเหนือเจ้าหนี้อื่น อนึ่ง บริษัทฯ จะดำเนินการ ชำระหนี้คืนให้แก่หุ้นกู้ทั้งสามรุ่นเพื่อให้ได้รับเงินคืนครบเต็มจำนวนก่อน ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการข้างต้นเป็นประการใด บริษัทฯจะแจ้งให้ทราบโดยเร็วต่อไป

Back to top button