
TOP มอง “ค่าการกลั่น” พุ่งฤดูหนาว ชี้เดินหน้า Asset Monetization เสริมแกร่งกลุ่ม ปตท.
“ไทยออยล์” คาดราคาน้ำมันปีนี้ทรงตัวราว 60 เหรียญต่อบาร์เรล ค่าการกลั่นระยะสั้นยังอยู่ในระดับสูงช่วงฤดูหนาว พร้อมเดินหน้าโครงการ Asset Monetization ใช้ทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงทางการเงิน ส่งผลเชิงบวกต่อกลุ่ม ปตท. โดยรวม
นายบัณทิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยถึงมุมมองต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันและค่าการกลั่นว่า ตลาดน้ำมันโลกยังคงเผชิญกับความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง จากหลายปัจจัย ทั้งกำลังการผลิตของกลุ่มสมาชิกโอเปกพลัสนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของประเทศมหาอำนาจ รวมถึงสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียด
สำหรับภาพรวมราคาน้ำมันดิบ ไทยออยล์ประเมินว่าปีนี้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในแนวโน้มขาลง เนื่องจากอุปทานเติบโตมากกว่าอุปสงค์ที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี คาดว่าราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวใกล้ระดับปัจจุบันที่ประมาณ 60 กว่าเหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่สามารถบริหารจัดการได้
ด้านแนวโน้มค่าการกลั่นระยะสั้น คาดว่าจะรักษาตัวอยู่ในระดับสูงในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากความต้องการน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานน้ำมันเข้าสู่ตลาดลดลง อันเป็นผลจากการโจมตีโรงกลั่นในรัสเซีย ทำให้ปริมาณน้ำมันส่งออกลดลง ส่งผลให้ค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนระยะยาว ค่าการกลั่นอยู่ในระดับ “พอใช้ได้” แต่ยังต้องติดตามปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด ทั้งอัตราดอกเบี้ย นโยบายภาษี สงครามการค้า และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในยูเครน-รัสเซีย และตะวันออกกลาง
นายบัณทิต ยังระบุว่า การตัดสินใจของโอเปกพลัสในการคงกำลังการผลิตและไม่เพิ่มกำลังการผลิตในเดือนมกราคมปีหน้า จะเป็นปัจจัยบวกต่อเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบ ลดความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และช่วยให้ตลาดมีความมั่นคงมากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของไทยออยล์ เนื่องจากราคาน้ำมันเป็นต้นทุนหลักทั้งทางเศรษฐกิจและการดำเนินงาน
นายบัณทิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ความคืบหน้าโครงการ Asset Monetization ทางไทยออยล์ได้มีการประกาศแผนการทำ Asset Monetization โดยการนำทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ถังเก็บน้ำมัน, ทุ่น, และท่าเรือ มาใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่ม ปตท.
สำหรับโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์, บริหารความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk Management) และเสริมสร้างความมั่นคงของโครงสร้างทางการเงินให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
“บริษัทฯ ยืนยันว่าการดำเนินโครงการ Asset Monetization จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจหลัก โดยยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ และโครงการนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งกลุ่ม ปตท. โดยรวมอีกด้วย” นายบัณทิต กล่าวทิ้งท้าย