SNC ฉายแววธุรกิจปี 61 โตแจ่ม กำไรเฉียด 500 ลบ. โบรกฯแนะ “ซื้อ” เป้า 22 บ. อัพไซด์สูง 38%

SNC ฉายแววธุรกิจปี 61 โตแจ่ม กำไรเฉียด 500 ลบ. โบรกฯแนะ "ซื้อ" เป้า 22 บ. อัพไซด์สูง 38%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ บริษัท เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SNC หลังบริษํทรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 เติบโดอย่างโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิ 174.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 97.21 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้บริษํทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้ของกลุ่มงานยานยนต์ (AUTO) มากขึ้น จากการที่มีสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ มากขึ้น อีกทั้งยังมีรายได้จากกลุ่มงาน E/A PART ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จากคำสั่งซื้องานปั๊มขึ้นรูปโลหะแผ่นเพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและควบคุมต้นทุนดีขึ้น

โดยราคาหุ้น SNC ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 15.90 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ 1.24% สูงสุดที่ระดับ 16.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.80 บารท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38.32 ล้านบาท โดยหากคิดจาดราคาเป้าสูงสุดที่ 22 บาท เท่ากับราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 38%

ด้านนายสามิตต์ ผลิตกรรม กรรมการผู้จัดการ SNC เปิดเผยว่า บริษัทคาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2561 จะเติบโตขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 401.31 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการขายและบริการปีนี้จะต่ำกว่าระดับ 7.5 พันล้านบาทเทียบกับปีก่อน

โดยธุรกิจเครื่องปรับอากาศจากตะวันออกกลางได้รับผลกระทบเรื่องมาตรฐานพลังงานทำให้มียอดขายลดลง ส่งผลกระทบมายังคำสั่งการผลิตของบริษัทฯ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนซึ่งส่งผลดีมายังช่วงไตรมาส 1/61

ประกอบกับบริษัทฯ ได้ลดอัตราค่าใช้จ่ายการขายและบริหารปีนี้ให้อยู่ที่ 5% จากปี 60 อยู่ที่ 5.5% และในช่วงไตรมาส 3/61 บริษัทฯ จะมีการควบรวมบริษัทย่อยเข้าด้วยกัน คือ SNC Cooling Supply และ Meisou SNC Precision ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายการบริหาร และมีอำนาจต่อรองการซื้อวัตถุดิบในการผลิตมากขึ้น

นอกจากนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองจำนวน 3.43 เมกะวัตต์ (MW) ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนดังกล่าวลดลงเดือนละ 1 ล้านบาท

สำหรับสัดส่วนรายได้ปี 2561 คาดว่าจะมาจากเครื่องปรับอากาศ 60% จากเดิมอยู่ที่ 70% เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของผลิตภัณฑ์และผลกระทบเรื่องมาตรฐานพลังงานทำให้มียอดขายลดลง แต่อย่างไรก็ตาม สินค้าในกลุ่มอื่นๆ จะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น จากปีก่อนมีสัดส่วนรายได้จากชิ้นส่วนรถยนต์ 14% ชิ้นส่วนเครื่องซักผ้า 5% ชิ้นส่วนตู้เย็น 4% ชิ้นส่วนพลาสติกอุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์ 3% และชิ้นส่วนเครื่องทำน้ำอุ่น 3%

ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ วางงบลงทุนราว 200-300 ล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในการเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิมที่เสื่อมคุณภาพ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตรองรับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาระบบออโตเมชั่น ซึ่งคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในปีนี้และจะเริ่มลงทุนในปี 62 เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในสิ้นปี 2561 บริษัทฯ จะทำการชำระหนี้ที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินให้อยู่ที่ระดับ 350 บาท จากสิ้นปี 60 อยู่ที่ 746 ล้านบาท และคาดว่าในปี 62 บริษัทฯ จะสามารถชำระหนี้ที่เหลือทั้งหมดได้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วน D/E ลดลงอยู่ที่ระดับ 0.75 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1 เท่า

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SNC โดยให้ราคาเป้าหมาย 22 บาท/หุ้น หลังกำไรสุทธิในไตรมาส 1/61 ออกมาดีเกินคาดที่ระดับ 175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 80% จากงวดปีก่อน มากกว่าที่คาดไว้ 17% และ Consensus 25% เป็นผลจากพัฒนาการที่ดีขึ้นในทุกไลน์ธุรกิจ ส่วนภาพรวมทั้งปีคาดมีกำไรสุทธิ 480 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น SNC โดยกำหนดราคาเป้าหมาย 16.90 บาท/หุ้น เนื่องจากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2561 มีการเติบโตกว่าที่ประมาณการไว้ ทำให้อยู่ระหว่างพิจารณาปรับประมาณการเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน

Back to top button