CPL ลุยตั้ง “โฮลดิ้งส์” กระจายเสี่ยง – แสวงลงทุนผลักดันธุรกิจโตแกร่ง

บอร์ด CPL อนุมัติจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส์ “ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส” รุกถือหุ้นใหญ่ 99.98% หวังกระจายความเสี่ยงธุรกิจ พร้อมแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในอนาคต


นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (เซฟตี้โปรดักส์) ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้จัดตั้งบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด ซึ่ง CPL จะถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 99.98% โดยบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ จะทำหน้าที่ในการเข้าลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในปัจจุบันและในอนาคต

โดยการจัดตั้ง ‘ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส’ ถือเป็นอีกก้าวของ CPL ที่มุ่งมั่นจะกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน พร้อมๆ กับสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งธุรกิจที่เป็นเป้าหมายในการเข้าลงทุน ไม่ได้ถูกจำกัดว่าจะต้องเชื่อมโยงกับธุรกิจหนังสำเร็จรูป หรือธุรกิจด้านความปลอดภัย ที่เป็นธุรกิจหลักของ CPL เท่านั้น เพราะโลกในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้ฝ่ายบริหารเล็งเห็นว่า จะต้องมองหาธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง สามารถทำกำไรและตอบโจทย์สังคมในยุคปัจจุบัน จึงไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมองหาอุตสาหกรรมใดเป็นพิเศษ แต่เป้าหมายอยู่ที่การจัดโครงสร้างการลงทุนเพื่อสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจ และคาดหวังการมองหาธุรกิจที่เป็นยูนิคอร์น ที่สามารถสร้างการเติบโตก้าวกระโดดให้กับ CPL ได้ในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด จะดำเนินการจัดตั้งภายในเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อยจะเอื้อกับ CPL ในฐานะบริษัทแม่ ทั้งในแง่ของความยั่งยืน ตอบโจทย์การลงทุนที่นอกเหนือจากจะให้ผลตอบแทนแล้ว ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

“ต้องยอมรับว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นช่วงที่ดีของบริษัทฯ เพราะความซบเซาของอุตสาหกรรมฟอกหนัง แต่เราก็ฟันฝ่าจนผ่านพ้นมาได้ จนถึงปัจจุบันก็ยังมีวิกฤติโควิด-19 ที่ยังต้องรับมือต่อ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าวบริษัทฯ เห็นว่าการเลือกหรือมองหาธุรกิจในช่วงวิกฤติเป็นสิ่งสำคัญ เพราะบางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบันบางส่วนก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาแบบนี้ รวมไปถึงบางธุรกิจที่มีไอเดียดี แต่ขาดเงินทุนและสภาพคล่อง หรือแม้แต่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เป็นกระแสตอบโจทย์ทางสังคม และเป็นธุรกิจมีศักยภาพ เราก็พร้อมที่จะเข้าไปลงทุน ถือเป็นการพลิกวิกฤติเพื่อสร้างโอกาสใหม่ที่จะสร้างการเติบโตที่ดีให้กับบริษัทฯ ได้ในอนาคต” นายภูวสิษฏ์ กล่าว

Back to top button