โบรกเชียร์ “ซื้อ” GUNKUL เป้าสูง 4.50 บ. มองกำไรปี 64 แตะ 2.3 พันล.

โบรกเชียร์ “ซื้อ” GUNKUL เป้าสูง 4.50 บ. มองกำไรปี 64 แตะ 2.3 พันล. โตแกร่ง 60% เทียบกับปีก่อน รับรู้แบ็กล็อก - ธุรกิจขายไฟหนุน


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับหุ้นบริษัท บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL โดยมีนักวิเคราะห์ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ระดับ 4.50 บาทต่อหุ้น

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท อิงวิธี SOTP ทั้งนี้จากการเข้าร่วงงาน SET Opportunity Day เมื่อ 4/6/21 สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

1) ธุรกิจกัญชงยื่นขอใบอนุญาตปลูกแล้ว โดยปัจจุบันได้ทำการปรับพื้นที่เตรียมก่อสร้างโรงเรือน ส่วนการขอใบอนุญาตสกัดคาดยื่นช่วงต้นปี 2565 และเริ่มจำหน่าย CBD ช่วงไตรมาส 1/65

2) ธุรกิจไฟฟ้าคงเป้ากำลังการผลิตครบ 1,000MW จากปัจจุบัน 630MW ทั้งนี้อยู่ระหว่างเจรจาโครงการราว 100-150MW ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนปีนี้

3) ธุรกิจ EPC มีมูลค่างานในมือ หรือ backlog ราว 9.6 พันล้านบาท โดยมีงานรอเข้าประมูลในช่วงที่เหลือของปีอีกกว่า 2.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้งานมาราว 15%

โดยมีมุมมองเป็นกลาง แม้การเริ่มสกัดสาร CBD มีแนวโน้มล่าช้ากว่าเดิมที่เคยแจ้งไว้ว่าภายในช่วงปลายปี 2564 เป็นช่วงต้นปี 2565 แทน แต่กรอบเวลาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนธุรกิจไฟฟ้าและ EPC ยังมีพัฒนาการที่ดีตาม guidance เดิม โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ที่ 2.3 พันล้านบาท (+60% จากปีก่อน) ราคาหุ้น underperform SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราว -14% คาดมาจากประเด็นการเก็งกำไรหุ้นที่เข้าทำธุรกิจกัญชง-กัญชา ที่เริ่มหมดกระแสลง

อย่างไรก็ตามคาดราคาหุ้นมีโอกาสกลับมา outperform โดยมี key catalysts คือ 1) โอกาสในการปิดดีลโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการเจรจา 100- 150MW คาดเห็นความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 และ 2) ปัจจุบันเทรดราคาถูก จาก PER ปี 2564 ที่ 14 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 25 เท่า และ PEG เพียง 0.4 เท่า เท่านั้น (คาดกำไร ปี 2563-65 โต +32% CAGR)

 

ส่วนบริษัท หลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ คาดกำไรปกติของบริษัทในช่วงไตรมาส 2/64 จะสูงขึ้นทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อน จากรายได้ที่มากขึ้นของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และการรับรู้กำไรเต็มไตรมาสจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 121 MWe ที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2563

ทั้งนี้ ในปี 2564 กำไรของบริษัทมีแนวโน้มเป็นบวก จากการขยายกำลังผลิตไฟฟ้า 161MW ที่เพิ่มเข้ามาตั้งแต่ในปี 2563 การทะยอยรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ หรือ แบ็กล็อก ในธุรกิจ EPC มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท

โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มปลูกกัญชงได้ในไตรมาส 4/64 ด้วยระยะเริ่มต้นขนาด 1 ไร่ โดยเมื่อประสบความสำเร็จจะขยายกำลังผลิตเพิ่มเป็น 200 ไร่ และจะขยายต่อเนื่องในช่วง 2566-68 ทั้งนี้ จากการประเมินของเรา ธุรกิจนี้จะคิดเป็นอัพไซด์ 1 บาทต่อหุ้น

ดังนั้น เราจึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” โดยปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้นมาเป็น 4.45 บาท ซึ่งรวมอัพไซด์จากธุรกิจกัญชง

Back to top button