“ยาสูบ” เล็งออกบุหรี่ราคาถูก ซองละ 50-55 บ. ทวงคืนส่วนแบ่งตลาด สู้ของเถื่อน

"ยาสูบ" เล็งออกบุหรี่ราคาถูก ซองละ 50-55 บ. ทวงคืนส่วนแบ่งตลาด สู้ของเถื่อน


นายภาณุพล รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า มีแผนเตรียมออกบุหรี่ใหม่ ในราคาซองละ 50-55 บาท เพื่อจำหน่ายภายในปีนี้ หากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ของ ยสท.ผ่านความเห็นชอบจากกรมสรรพสามิต และมีผลบังคับใช้ได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้

“ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ ที่ ยสท. เสนอให้กรมสรรพสามิต พิจารณาบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.64 จะผ่านความเห็นชอบหรือไม่ ซึ่งหากเห็นชอบ ก็จะสามารถจำหน่ายบุหรี่ในราคาดังกล่าวได้” ผู้ว่าการ ยสท.กล่าว

พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ ยสท.ต้องออกจำหน่ายบุหรี่ในราคาต่ำลง เนื่องจากต้องการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด โดยปัจจุบันจากโครงการอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ที่มี 2 ขั้น (เทียร์) คือ 20% และ 40% ทำให้ ยสท.ขายบุหรี่ในราคาถูกสุดได้ 60 บาท/ซอง ซึ่งเหลือกำไรเฉลี่ยซองละ 0.50 บาทเท่านั้น จากเดิมที่เคยมีกำไรเฉลี่ยที่ 6 บาท/ซอง และส่งผลให้ ยสท.มีส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 56% จากเดิมที่ 79% ดังนั้นจึงต้องรักษาส่วนแบ่งตลาดกลับมาให้ได้

“การลดราคาบุหรี่ ยังช่วยเรื่องควบคุมบุหรี่เถื่อน ซึ่งจากภาษีบุหรี่ปัจจุบัน ทำให้บุหรี่มีราคาสูง แต่คนไม่ได้เลิกสูบ และหันไปสูบบุหรี่เถื่อนมากขึ้น จากเดิมมีสัดส่วนเพียง 20% ของบุหรี่ทั้งระบบ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 24% และปีที่ผ่านมาก็เพิ่มเป็น 29% ดังนั้น เรื่องภาษีจึงอยู่ที่การพิจารณา และความเมตตาของกรมสรรพสามิตด้วย” นายภาณุพล กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาษีสรรพสามิตบุหรี่โครงสร้างใหม่ อยู่ระหว่างการพิจารณาของกรมสรรพสามิต โดยมีข้อเสนอหลายด้าน เช่น เสนอให้ปรับภาษีเหลือเพียงเทียร์เดียว แต่ต้องกำหนดอัตราที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ปลูกใบยา และรายได้ของ ยสท. หรือเพิ่มเป็น 3 เทียร์ แต่ให้มีอัตราภาษีต่ำกว่าโครงสร้างปัจจุบัน เพื่อให้สามารถขายบุหรี่ถูกลง และ ยสท.ยังมีกำไรต่อไปได้

ผู้ว่าการ ยสท. ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกใบยา ให้ไปปลูกกัญชง-กัญชาว่า จากการหารือกับเกษตรกร 13,500 ครัวเรือน พบว่ากว่า 60-70% สนใจปลูกกัญชง-กัญชา โดยที่ผ่านมา ยสท.ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้ตีความอำนาจหน้าที่ของ ยสท. ว่าสามารถส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกร สามารถปลูกเพื่อสร้างรายได้เชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ จากเดิมที่ทำได้เฉพาะเพื่อการวิจัยและพัฒนา รวมทั้ง ยสท.มีอำนาจในการรับซื้อ จัดหาเมล็ดพันธุ์ ทำการตลาด ควบคุมกลไกราคา รับประกันราคา รับซื้อได้หรือไม่ โดยคาดว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จะให้คำตอบได้ภายใน 2 สัปดาห์

นอกจากนั้น ภายในสัปดาห์นี้ ยสท. ยังได้เตรียมหารือกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กรมแพทย์แผนไทย และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ว่าจะนำกัญชงกัญชาไปใช้ในอุตสาหกรรมประเภทใดได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายใน 2 สัปดาห์ และหากทุกฝ่ายเห็นชอบ ก็จะเริ่มเปิดให้เกษตรกรลงทะเบียนช่วงปลายเดือน เม.ย. และเริ่มปลูกได้ช่วง ส.ค.นี้ แต่จะไม่มีการนำมาผลิตเป็นยาสูบเด็ดขาด

Back to top button