
ครม.มีมติเตรียมงานพระราชพิธีสมพระเกียรติ – เปิดให้ปชช.เข้าถวายน้ำสรงพระศพ 26 ต.ค.นี้
ครม.รับทราบข้อสั่งการจัดพระราชพิธีสมพระเกียรติ นายกฯ ขอความร่วมมือประชาชนแต่งโทนสุภาพ 90 วัน และงดจัดกิจกรรมรื่นเริงตามความเหมาะสม เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08:00–12:00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ต.ค.68) เวลา 11:08 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการเตรียมความพร้อมทุกอย่างสำหรับงานพระราชพิธีของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดย ครม. ได้มารับทราบข้อสั่งการต่าง ๆ เพื่อให้งานพระราชพิธีเป็นไปอย่างสมพระเกียรติยศสูงสุด
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการไว้ทุกข์ว่า สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และสถานศึกษาทุกแห่ง ให้ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ไว้ทุกข์ด้วยการแต่งกายเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเช่นกัน ส่วนประชาชนทั่วไป ขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
“ในเบื้องต้นจะขอความกรุณาว่าในฐานะที่เราเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน พี่น้องประชาชนก็ขอให้ช่วยกันร่วมมือแต่ง ถ้าแต่งสีดำไม่ได้ ก็ขอให้เป็นโทนสีที่ไม่ฉูดฉาด ถ้าแต่งได้ก็ขอให้ทำถวายท่านเป็นระยะเวลาสัก 90 วัน อันนี้คือการขอของนายกฯ ต่อพี่น้องประชาชน เพราะพระองค์ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประเทศของเรา ต่อพวกเรามาตลอดระยะเวลา 70 กว่าปี ที่ทรงพระอิสริยายศเป็นสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เราก็ควรจะต้องทำสิ่งที่จะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการจัดงานรื่นเริงหรือคอนเสิร์ต นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เบื้องต้นคงต้องขอความร่วมมือ โดยจะพยายามหาช่องทางที่ทำออกมาแล้วไม่มีผลกระทบ ต้องดูเรื่องของวัฒนธรรมและประเพณีของพวกเราด้วย
สำหรับการเดินทางเยือนมาเลเซียนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ได้ขอยกเลิก แต่วันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.68) จะมีการลงนามถ้อยแถลงการกำหนดแนวทางที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพของไทยและกัมพูชา ซึ่งการลงนามนี้จะมีสักขีพยานคือนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยได้ขอให้ร่นเวลามาเป็นช่วงเช้า ตนจะเดินทางไปและจะรีบกลับมาให้ทันพระราชพิธี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวยืนยันถึงพิธีลงนามถ้อยแถลงฯ ว่า กว่าจะมาถึงจุดนี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมเจรจาหารือ นำมาซึ่งบทสรุปที่เป็นเงื่อนไขแนวทางที่ขอให้กัมพูชาปฏิบัติ เมื่อเขาได้ปฏิบัติแล้ว ความเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศจะหมดไป และจึงจะดำเนินการตามธรรมเนียมทางการทูตต่อไป โดยยังไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวลว่าการลงนามจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือสูญเสียอธิปไตย พร้อมย้ำว่าทำเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ลดความสูญเสีย และรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย
ส่วนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ครั้งที่ 32 จะจัดขึ้นที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2568นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ขอมติคณะรัฐมนตรีให้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่แทน เนื่องจากตนมีความตั้งใจที่จะอยู่ในประเทศ

ขณะเดียวกัน นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ความว่า
ตามที่ได้มีประกาศสํานักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2568 นั้น รัฐบาลได้รับทราบด้วยความโทมนัสอย่างยิ่ง จึงเห็นสมควรประกาศดังต่อไปนี้
ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรมเพื่อความบันเทิงตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน
เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการดังนี้
เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08:00–12:00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง
– มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระศพ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ และกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์เป็นองค์ที่ปรึกษา
รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายอำนวยการจัดงานพระราชพิธี ฝ่ายจัดการพระราชพิธี ฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้าง ราชรถ พระยานมาศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการร่วมเฝ้าในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน
– มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการ และการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2)
– มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้าฯ ของคณะรัฐมนตรีไปเฝ้าฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี
– มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร จัดกิจกรรมถวายเป็นพระราชกุศล เพื่อให้ประชาชนร่วมถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง
– มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย