
“เอกนิติ” คุมทัพดีลสหรัฐฯ! ลั่นไม่รื้อกรอบเดิม จ่อถกเอกชนหาช่องยกเว้นสินค้าจากภาษี 19%
รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เผย อยู่ระหว่างหารือรายละเอียดสินค้าบางชนิด อาจทำเป็นเอกสารแนบ แยกจากกรอบภาษี 19% ย้ำไม่รื้อกรอบนโยบายที่ครม. เห็นชอบแล้ว พร้อมเร่งหารือ ธปท. เรื่องกรอบเงินเฟ้อ หลังเงินเฟ้อทั่วไปติดลบ จากราคาพลังงานลด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ต.ค.68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์เจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา ว่า ได้มีการหารือนอกรอบกับนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ซึ่งต่างก็พร้อมจะให้การสนับสนุน
นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ดำเนินการเจรจาในส่วนที่ตกลงได้ 19% ให้เกิดผลดีที่สุด ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการลงรายละเอียด สินค้าบางชนิดอาจขอให้จัดทำเอกสารแนบ (Annex) แยกออกมา ไม่รวมในสัดส่วน 19% แนวทางนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา และจะมีการหารือร่วมกับภาคเอกชนด้วย
“คงไม่ได้รื้อกรอบนโยบายที่ผ่านคณะรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะถือเป็นกรอบนโยบายของรัฐบาล หน้าที่ของเราคือการลงรายละเอียดในกรอบแนวทางที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไปแล้ว สิ่งที่ผมในฐานะหัวหน้าทีมนโยบายจะทำ คือดูรายละเอียดว่าสินค้าประเภทใดที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุด และจะดูแลผู้ประกอบการอย่างไร” รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าว
ทั้งนี้ นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้เสนอว่ามีสินค้าบางอย่างที่ไทยต้องนำเข้าอยู่แล้ว ก็นำเข้าจากสหรัฐฯ ได้ ไม่มีปัญหา แต่บางรายการอาจพิจารณาดึงออกมา เพื่อไม่ให้เข้าเกณฑ์อัตราภาษี 19% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาอยู่ รวมถึงเกณฑ์ RVC (Regional Value Content) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ROO (Rules of Origin) ที่ต้องลงรายละเอียดเช่นกัน
สำหรับกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจงกรณีอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา และประมาณการ 12 เดือนข้างหน้า หลุดกรอบเป้าหมาย นายเอกนิติ กล่าวว่า วันนี้นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ด้วย แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยในประเด็นนี้ คงต้องหารือนอกรอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเงินเฟ้อต่ำเกินไปหรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า เงินเฟ้อมีอยู่ 2 ส่วน คือ เงินเฟ้อทั่วไป ซึ่งรวมราคาพลังงานและอาหารสด มีความผันผวนตามตลาด และ เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งหักราคาพลังงานและอาหารสดออก โดยขณะนี้เงินเฟ้อทั่วไปติดลบ เนื่องจากราคาพลังงานติดลบเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก เบื้องต้นที่ได้พูดคุยกับผู้ว่าการ ธปท. เห็นสอดคล้องกัน แต่เรื่องของกรอบเป้าหมายต้องหารือกันอีกครั้ง
ส่วนกรณีการตรวจสอบเงินปริศนา นายเอกนิติ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้ประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้ว่าการ ธปท. และกระทรวงการคลังเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมได้ตกลงให้เชิญสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อกำหนดกรอบและกติกาการทำงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568 และจะรายงานผลในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ด้วย