ชงครม. 28 ต.ค.นี้ ไฟเขียว “โซลาร์ฟาร์มชุมชน” 3 หมื่นล้าน ลดค่าไฟ 40–80 สต./หน่วย

นายกฯ หารือ รมว.คลัง–พลังงาน เห็นชอบ “โครงการไฟฟ้าชุมชน ลดค่าไฟให้ประชาชน” ผลักดันโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท หวังลดภาระค่าไฟ 1.2 ล้านครัวเรือน พร้อมขยายระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (24 ต.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึง “โครงการไฟฟ้าชุมชน ลดค่าไฟให้ประชาชน” หนึ่งในนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล มีเป้าหมายผลักดันและขับเคลื่อนโครงการไฟฟ้าชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานระดับท้องถิ่น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของประชาชนทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวภายหลังหารือกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะประเด็นการลดค่าไฟฟ้า ซึ่งกระทรวงพลังงานได้เสนอ “โครงการไฟฟ้าชุมชนพลังงานแสงอาทิตย์” เพื่อขยายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสู่ชุมชนทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลัง

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เห็นชอบโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน 1,500 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์สูบน้ำ สำหรับระบบชลประทานและประปาหมู่บ้าน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคของประชาชน โดยจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 28 ตุลาคม นี้

สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน มีขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ และอาจแบ่งย่อย 5 หรือ 3 เมกะวัตต์ ตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงไฟฟ้าในราคาย่อมเยา ผ่าน อปท. โดย กฟภ. จะเป็นผู้รับผิดชอบการจ่ายไฟในราคาพิเศษ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน

อีกโครงการหนึ่งคือ “โซลาร์สูบน้ำ” ซึ่งต่อยอดจากโครงการไฟฟ้าชุมชนพลังงานแสงอาทิตย์ มีเป้าหมายกระจายระบบพลังงานแสงอาทิตย์สู่ระบบชลประทานและประปาหมู่บ้านทั่วประเทศ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นต้นทุนหลักในการสูบน้ำเข้าสู่ระบบเกษตรและการผลิตน้ำประปา เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่ายของประชาชน พร้อมกระจายการลงทุนสู่ท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

นายอรรถพล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท มีประชาชนได้รับประโยชน์ 1.2 ล้านครัวเรือน ลดค่าไฟฟ้าได้ 40–80 สตางค์ต่อหน่วย และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ราว 1 ล้านตันต่อปี ส่วนโครงการโซลาร์สูบน้ำจะดำเนินการ 200 จุด ครอบคลุมระบบประปาหมู่บ้าน 5,000 แห่ง ประชาชนได้รับประโยชน์ 700,000 ครัวเรือน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 200,000–300,000 ตันต่อปี

ทั้งสองโครงการใช้งบจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานราว 500–600 ล้านบาท จากงบประมาณรวม 900 ล้านบาท

ส่วนค่าไฟฟ้าผันแปร ( Ft ) จะพิจารณาเป็นรอบ ๆ โดยอยู่ระหว่างการศึกษาต้นทุนหลายปัจจัย ว่าจะสามารถปรับลดได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะไม่สูงกว่ารอบปัจจุบัน

Back to top button