
“เอกนิติ” ชี้ไทยต้องเร่งรับมือ CBAM–AI มั่นใจไตรมาส 4 ฟื้น เร่งวางฐานลงทุนยั่งยืน
รองนายกฯ “เอกนิติ” ระบุ ไทยต้องเร่งปรับตัวต่อกติกาโลกใหม่ ทั้งมาตรการ CBAM–ยุค AI ควบคู่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าวางฐานการลงทุนใหม่อย่างยั่งยืน หนุนเศรษฐกิจไตรมาส 4 ส่งสัญญาณฟื้นตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 พ.ย.68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Spotlight Day 2025 “New World Order เศรษฐกิจไทยในระเบียบโลกใหม่” หัวข้อ “Thailand’s Moment: Igniting Economic Revival มั่นใจประเทศไทย พลิกฟื้นเศรษฐกิจ” โดยสะท้อนทิศทางระเบียบโลกใหม่ที่ไทยต้องเร่งปรับตัวรับมืออย่างเร่งด่วน
นายเอกนิติ กล่าวว่า ระเบียบโลกใหม่กำลังเปลี่ยนผ่านใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ การค้า กติกาด้านสภาพภูมิอากาศ และเทคโนโลยี ซึ่งล้วนเป็นโจทย์ใหญ่ของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกติกาด้านสภาพภูมิอากาศที่เริ่มมีผลต่อการค้าระหว่างประเทศ เช่น มาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) รวมถึงกลไกใหม่ของสหภาพยุโรปที่ใช้วัดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต ไทยจึงต้องเร่งยกระดับซัพพลายเชนรองรับกติกาเหล่านี้
“ที่ผมมองระเบียบโลกใหม่มีอยู่ 3 เรื่องนะครับ เรื่องแรกคือระเบียบโลกด้านการค้า เราต้องพยายามคว้าโอกาสในการปลดล็อกกติกาการค้าที่อ้างอิงเรื่องสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด เช่น Carbon Border Adjustment Mechanism หรือกลไกใหม่ ๆ ที่ยุโรปกำลังเอามาใช้ เราต้องเตรียมความพร้อม และทำให้ธุรกิจไทย ซัพพลายเชนของเราไปสู่กติกาเหล่านี้ให้ได้” รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าว
ด้านเทคโนโลยี นายเอกนิติ ระบุว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุค AI อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่ไทยยังมีความได้เปรียบด้านทักษะดิจิทัล แต่ยังขาด “การลงทุนจริง” โดยเฉาะการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ อุตสาหกรรมใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของขีดความสามารถการแข่งขันในอนาคต
“โลกยุคใหม่เป็นโลกของ AI ประเทศไทยยังมีโอกาส เมืองไทยยังมีโอกาส แต่สิ่งที่เราขาดคือการลงทุนจริง ๆ ทั้งการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น พลังงานสะอาด ผมเชื่อว่าอย่างน้อยใน 4 เดือนที่ผ่านมา เราเริ่มจากการยอมรับความเป็นจริง และเตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ให้เศรษฐกิจ ‘จุดประกาย’ การเติบโตขึ้นมาได้ในไตรมาส 4 แต่เราต้องทำให้มีผลในระยะยาวด้วย คือวางรากฐานสำหรับการลงทุนในอนาคต และต้องเป็นการเติบโตที่กระจายตัว เป็น Inclusive Goal ครับ” รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ กล่าว
นายเอกนิติ กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการภายใต้นโยบาย Quick Big Win เพื่อ “จุดประกาย” ให้เศรษฐกิจเร่งตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี พร้อมวางรากฐานการเติบโตระยะยาวที่ยั่งยืนและกระจายตัวทั่วถึง โดยย้ำว่ามาตรการทั้งหมดดำเนินภายใต้กรอบวินัยการคลัง และช่วยสนับสนุนความเชื่อมั่นของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง S&P ที่ยังคง Outlook ของประเทศไทยไว้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ครม.เคาะรับมือ CBAM เดินหน้าภาษี–ราคาคาร์บอน เสริมกม.โลกร้อน คุ้มกันส่งออก EU

