
“เจพีมอร์แกน” มองบวก PTTGC ชูแผนลดต้นทุน-ขายสินทรัพย์ หนุนกำไรฟื้น
เจพีมอร์แกน มอง PTTGC มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน หลังลุยกลยุทธ์ลดต้นทุน ปรับโครงสร้างองค์กร พร้อมแผนขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ขณะที่ราคาหุ้นต่ำบุ๊ก ฟาก “บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” คาดไตรมาส 2 โตเด่นรับค่าการกลั่น-สเปรดปิโตเคมีหนุน เคาะราคาเป้าหมาย 27.50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน (21 พ.ค.68) อ้างอิงนักวิเคราะห์จาก J.P.Morgan เปิดเผยว่า กลุ่มปิโตรเคมีชั้นนำในอาเซียนอย่าง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ Petronas Chemicals Group (PCHEM) จากมาเลเซียจะเผชิญเส้นทางที่แตกต่างกันในช่วงข้างหน้านี้ แม้ว่าราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทจะปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลง 23-28% อันเนื่องมาจากการปรับประมาณการกำไรลงราว 30-40% แต่แนวโน้มในอนาคตก็เริ่มเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
ส่วนผลประกอบการของ PTTGC มีทิศทางฟื้นตัวขึ้น จากการดำเนินกลยุทธ์ปรับโครงสร้างและลดต้นทุนหลายมาตรการ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงกำไรสุทธิของบริษัท ในขณะที่ PCHEM ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากปัญหาประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่ลดลง ราคาขายในน้ำมันและก๊าซที่อ่อนตัวลง ซึ่งกดดันผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง
โดยหนึ่งในจุดแข็งของ PTTGC คือ มูลค่าที่มีความน่าสนใจ โดยราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ Price-to-Book เพียง 0.3 เท่า เทียบกับ PCHEM ที่อยู่ราว 0.7 เท่า ส่งผลให้ J.P.Morgan ยังคงมีมุมมองบวกต่อ PTTGC และแนะนำให้ “ระมัดระวัง” PCHEM
ทั้งนี้ สิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นต่อ PTTGC ช่วงนี้ คือ การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2567 โดยมาตรการดังกล่าวช่วยสนับสนุนผลกำไรจากการดำเนินงานท่ามกลางความผันผวนของตลาด ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2568 บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 800 ล้านบาท และได้เพิ่มเป้าหมายการประหยัดต้นทุนปีนี้ อยู่ที่ 5,500 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์ Asset-Light นั้น PTTGC มีแผนขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Assets) มูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2569 ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับการขายธุรกิจคลังสินค้าและโลจิสติกส์ในอดีต โดยมุ่งหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และนักลงทุนใหม่เข้ามา พร้อมรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของสินทรัพย์หลัก เป้าหมายเพื่อชำระหนี้ ลดภาระหนี้สินให้อยู่ระดับ Debt to EBITDA ไม่เกิน 4 เท่า และรักษาเครดิตเรทติ้งระดับ Investment-grade
ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด PTTGC เปิดเผยว่า บริษัทย่อย Vencorex จะถูก “Deconsolidate” หรือเป็นการนำออกจากงบการเงินตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม โดยกระบวนการเลิกกิจการได้เริ่มขึ้นที่ฝรั่งเศสแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อ EBITDA ในไตรมาส 2/2568 ลดลงไม่เกิน 300 ล้านบาท เทียบกับ 634 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ขณะเดียวกัน คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้ที่ไม่ใช่เงินสดราว 30-40 ล้านยูโรจากรายการดังกล่าว
นอกจากนี้ PTTGC ยังมีแผนขายสินทรัพย์ Vencorex ในสหรัฐฯ และไทยช่วงครึ่งหลังปี 2568 โดยการลงทุนในสหรัฐฯ หลักๆ ผ่านธุรกิจ Allnex ซึ่งผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีมีน้อยเนื่องจากสัดส่วนลูกค้าและซัพพลายเชนในประเทศสูงกว่า 90%โดยรวมแล้ว J.P.Morgan ระบุว่า แม้ภาคปิโตรเคมีในภูมิภาคจะยังได้รับผลกระทบจากราคาและดีมานด์ที่ผันผวน แต่ J.P.Morgan เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของ PTTGC ขณะที่ PCHEM ยังอาจต้องเผชิญกับแรงกดดันต่อไปในระยะกลาง
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองว่ามีหลายประเด็นบวกต่อ PTTGC รออยู่ข้างหน้า ทั้งแนวโน้มผลการดำเนินงานจะดีขึ้นในปีนี้ ผ่านการบริหารจัดการภายใน แผนการทำ Asset Monetization และการบันทึกกำไรพิเศษจาก Vencorex โดยแนวโน้มไตรมาส 2/68 ค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นขณะที่ครึ่งหลังของปี จะได้วัตถุดิบอีเทนเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท ตามผลการดำเนินงานไตรมาส 2/68 ที่ดีขึ้นและคาดทั้งปี นี้ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ