กำไรSCAP

บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) หรือ SCAP รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 โชว์ผลกำไรโตเด่น โดยไตรมาส 3 นี้สร้างรายได้รวม 1,653.64 ล้านบาท สินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 26,515.63 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ที่ 303.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.08 จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.28 จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้ผลกำไรรวมสุทธิ 9 เดือนอยู่ที่ 669.09 ล้านบาทซึ่งเป็นผลของความมุ่งมั่นของบริษัทในการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ ควบคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงความเข้มงวดในการคัดกรองลูกค้า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก “การให้บริการสินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending)” นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 3/2568 บริษัทสามารถรักษาทิศทางการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทาย โดยสะท้อนให้เห็นหนี้สินครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกระทบต่อกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของบุคคลรายย่อย แต่ SCAP ยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีวินัยและรอบคอบ โดยเน้นการปล่อยสินเชื่อคุณภาพให้กับลูกค้าที่มีศักยภาพ ควบคุมความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว” สำหรับช่วงสุดท้ายของปี 2568 บริษัทได้มีการลงทุนและพัฒนาระบบในการบริหารงานต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ากำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2568 อันจะมีผลทำให้อุตสาหกรรมสินเชื่อเช่าซื้อมีการควบคุมดูแลที่ชัดเจน ทั้งในด้านต้นทุน และคุณภาพสินเชื่อ ซึ่งจะช่วยยกระดับความโปร่งใส และความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรม นอกจากนั้น บริษัทฯยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่ออื่นๆ เพื่อสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคงต่อไปอีกด้วย นางสาวดวงใจกล่าวเพิ่มเติมว่า “ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการรักษาพอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพ บริหารค่าใช้จ่าย เดินหน้าสร้างระบบบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในปีถัดไป” SCAP ยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Responsible Lending ที่ให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ โปร่งใส และเป็นธรรม เพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างบริษัท ลูกค้า และสังคมในระยะยาว โดยนางสาวดวงใจกล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืน โดยไม่เพียงสร้างผลกำไร แต่ยังต้องการมีส่วนในการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้า และสนับสนุนโอกาสทางเศรษฐกิจในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง”