ทัวร์ ไทยคนละครึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (15 ก.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ณ เวลา 10.12 น. อยู่ที่ระดับ 14.60 บาท บวก 1.80 บาท หรือ 14.06% สูงสุดที่ระดับ 14.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90.53 ล้านบาท สืบเนื่องมาจากเมื่อวันศุกร์ที่ 12 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา DUSIT แถลงถึงทิศทางการบริหารงานของดุสิตธานี "จากความสำเร็จในปัจจุบัน สู่การสร้างสรรค์บทใหม่" และในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท DUSIT มีมติรับทราบการลาออกของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เพื่อเตรียมตัวไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกันนี้อนุมัติการแต่งตั้งนายชนินทธ์ โทณวณิก ดํารงตําแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม แทนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออก นอกจากนี้ บอร์ดอนุมัติการแต่งตั้ง นายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ดํารงตําแหน่งกรรมการ แทนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออก, อนุมัติการแต่งตั้ง นายสมประสงค์ บุญยะชัย ดํารงตําแหน่งกรรมการอิสระ แทนนางนวลพรรณ ล่ำซำ ที่ลาออก และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงอํานาจกรรมการที่จะกระทําแทนบริษัท จากเดิม ชื่อและจํานวนกรรมการ ซึ่งมีอํานาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก, นางสินี เธียรประสิทธิ์ และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสําคัญของบริษัท เป็น ชื่อและจํานวนกรรมการ ซึ่งมีอํานาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือ นายชนินทธ์ โทณวณิก, นางสินี เธียรประสิทธิ์ และนายภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ กรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสําคัญของบริษัท นายชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DUSIT เปิดเผยว่า ประเด็นความขัดแย้งภายในครอบครัวน่าจะจบลงด้วยดี และสามารถแก้ไขได้ แม้ขณะนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 26 กันยายน 2568 จะเป็นอย่างไร แต่อยากให้เชื่อมั่นในดุสิตธานีว่าทุกอย่างจะออกมาด้วยดี "ผมยินดีที่คุณศุภจีที่ได้รับโอกาสอันสำคัญนี้ เพื่อประโยชน์ประเทศชาติในช่วงรอยต่อที่สำคัญของบ้านเมือง ภายใต้เวลาที่จำกัด และหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้น กลุ่มดุสิตธานีพร้อมจะต้อนรับคุณศุภจีกลับมาเสมอ โอกาสนี้ผมขอร่วมแสดงความยินดีและอวยพรให้คุณศุภจีประสบความสำเร็จในภารกิจอันทรงเกียรตินี้" นายชนินทธ์ กล่าว ด้าน นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม DUSIT และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวอยากให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (CEO) ไปสู่นายชนินทธ์ ยังไม่ควรตีความประเด็นความขัดแย้งใด ๆ ในเชิงบวกหรือลบ แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากนายชนินทธ์ มีความตั้งใจและพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น สำหรับการดำเนินงานของ DUSIT หลังจากนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ดังนั้น จึงขอให้ผู้ลงทุน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง มั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่ DUSIT ดำเนินการมาโดยตลอด โดยคาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2569 ของกลุ่ม DUSIT จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไร และสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีกว่า 1,074.85 ล้านบาท ได้หมด ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทงดจ่ายเงินปันผลตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จากการรับรู้รายได้จากโครงการ ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการ ดุสิต เรสซิเดนเซส มียอดขายแล้วเกือบ 17,000 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของมูลค่าโครงการ จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์บางส่วนในปลายปี 2568 และส่วนใหญ่ประมาณ 80% จะรับรู้ในปี 2569 นอกจากนี้ DUSIT ยังรับรู้รายได้จากโรงแรมอีกกว่า 50 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในแผนการขยายธุรกิจของบริษัท ส่วนการตอบรับเข้าร่วมรัฐบาลชุดใหม่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล เนื่องจากมองว่าตนเองมีประสบการณ์หลายด้าน จะสามารถช่วยต่อยอดเจรจาระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนเอกลักษณ์ความเป็นไทย สร้างรายได้ต่อประเทศ ประกอบกับการเข้าบริหารใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการในสิ่งที่เป็นไปได้ให้เร็วที่สุด อีกทั้งตนเองยังชอบทำงานกับคน ซึ่งคิดว่าจะสามารถร่วมมือกับทีมเศรษฐกิจและพันธมิตร เพื่อประโยชน์ต่อประเทศได้ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์วันนี้ คาด DUSIT โมเมนตัมผลการดาเนินงานดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 68 ถึงต้นปี 69 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.) บรรยากาศทางการเมืองที่คลี่คลาย ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจมีโอกาสฟื้นตัวดีขึ้น โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คาดจะเห็นนโยบายกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวจากรัฐบาลชัดเจนขึ้น เช่น ททท. เตรียมเสนอโครงการ "ทัวร์ ไทยคนละครึ่ง" จากปัจจุบันโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" ซึ่งจะสิ้นสุดสิ้นเดือน ก.ย.นี้ 2.) ปัจจัยบวกจากฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาส 4/68 และ 3.) การรับรู้รายได้จากการโอนโครงการที่อยู่อาศัย Dusit Central Park ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ Dusit Residences และ Dusit Parkside ผู้บริหารคาดยอดโอนในปี 69 แตะที่ระดับ 80% ส่งผลให้ผู้บริหารคาดว่าโครงการ Dusit Central Park เป็นตัวแปรสำคัญที่จะหนุนผลการดาเนินงานของ DUSIT ให้กลับเข้ามาฟื้นตัวได้ และคาดว่าผลการดาเนินงานที่ดีขึ้นจะสามารถปลดภาระหนี้กว่า 46,000 ล้านบาทได้ในปี 69 สำหรับ Valuation ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าน่าสนใจ ยังมี Upside จากราคาพื้นฐาน IAA consensus อยู่ที่ 13.10 บาท