บริษัทหลักทรัพย์เคทีบีเอสที

บริษัทหลักทรัพย์เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ส.ค.65) ว่า จากกรณีสำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน รัฐบาลจีนได้สั่งระงับการนำเข้าขนมบิสกิตและขนมอบจากบริษัทส่งออกจำนวน 35 แห่งของไต้หวัน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันจันทร์ (1 ส.ค.) ก่อนที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะเดินทางเยือนไต้หวันในวันอังคาร ทั้งนี้จากจำนวนบริษัทไต้หวัน 107 แห่งที่จดทะเบียนกับกรมศุลกากรของจีนภายใต้หมวดขนมบิสกิต ขนมอบ และขนมปังนั้น บริษัทจานวน 35 แห่งได้ถูกระบุว่า "ระงับการนำ" นอกจากนี้ ในจำนวน 3,200 แห่งที่จดทะเบียนภายใต้หมวดอาหาร บริษัท 2,066 แห่งถูกระบุว่า "ระงับการนำเข้า" ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า จีนจะเพิ่มการระงับนำเข้าสินค้าจากไต้หวันหรือไม่ขณะที่สินค้ามูลค่าสูงสุดที่ไต้หวันส่งออกไปยังจีนเป็นหมวดอุปกรณ์และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์, เครื่องจักร, พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ทั้งนี้สำนักงานสถิติของไต้หวัน ระบุว่า จีนนำเข้าสินค้าจากไต้หวันสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.89 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ดังนั้นจากกรณีดังกล่าวจึงมีมุมเป็นบวกเล็กน้อยต่อกลุ่ม Food & Beverage จาก sentiment โอกาสส่งออกอาหารและขนมจากไทยไปจีนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันจีนไม่ใช่ตลาดหลักในการส่งออกอาหารและขนมของไทย โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์แบ่งเป็นกลุ่มอาหารทะเล คือ บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท สำหรับกลุ่ม snack หุ้นที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN มีสัดส่วนรายได้จากการส่งอออกไปจีนที่ 24% ของรายได้รวม และบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาท สัดส่วนรายได้จีนต่ำกว่า 1%