ปริมาณจราจร

นางสาวบงกชรัตน์ ตั้งชูกุล รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจและการเงิน บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ในงาน Opportunity Day ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ว่า บริษัทมีรายได้ค่าผ่านทาง 667.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 618.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 278.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 266.71 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากการจัดเก็บอัตราค่าผ่านทางใหม่ซึ่งเริ่มมีผลตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ช่วยชดเชยผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนไหวและปริมาณการเดินทางที่ชะลอตัวในบางช่วงของปีที่ผ่านมา สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้ค่าผ่านทาง 1,943.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,825.49 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 791.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.88% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน 769.45 ล้านบาท สะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้งด้านปริมาณการเดินทางและการบริหารต้นทุน นางสาวบงกชรัตน์ กล่าวอีกว่า ด้านการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตระยะยาว บริษัทดำเนินงานตามกรอบ “7 กลยุทธ์” (7 Strategies for Business Sustainability Plan) ได้แก่ Safer Road Traffic Management / Maintenance / Optimized Operation Inclusive Growth New Business Venture ESG In Process HPO & Smart Working Place Supply Chain Management / Relationship Development DMT Excellence Recognition นางสาวบงกชรัตน์ กล่าวต่อว่า DMT เดินหน้าผลักดันนวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนและยกระดับประสิทธิภาพ โดยระบบ Smart Power Box นำแบตเตอรี่ EV มาใช้ทดแทนไฟฟ้าปกติเริ่มเห็นผลด้านการประหยัดพลังงานชัดเจน ขณะที่โครงการ Solar Wall อยู่ระหว่างการศึกษาความคุ้มค่าการลงทุนโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2569 อีกทั้งยังมีการทดสอบ สีลดโลกร้อนจากญี่ปุ่น ซึ่งจะสรุปผลและนำเสนอในไตรมาส 1/2569 ในส่วนของการต่อยอดธุรกิจ บริษัทได้ลงทุนในบริษัท แอลฟา ดี เอ็ม เทค จำกัด (Alpha DMTech) โดยชำระทุนในส่วน 50% แรกเรียบร้อยแล้ว และคาดว่า จะสามารถปิดผลงานได้ราว 20 โครงการภายในปีแรกของการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและสร้างแหล่งรายได้ใหม่ให้บริษัทในอนาคต นางสาวบงกชรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังมีความอ่อนไหวจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าและภาษีนำเข้า (Tariffs) ทำให้การฟื้นตัวโดยรวมเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าบริษัทจะปรับตัวไปตามทิศทาง GDP ขณะที่การปรับราคาค่าผ่านทางเพิ่มเติมยังทำไม่ได้ตามกรอบสัมปทาน บริษัทจึงออกมาตรการส่งเสริม เช่น การจำหน่ายคูปองลด 5% เพื่อบรรเทาภาระผู้ใช้ทางและกระตุ้นความถี่การเดินทาง ด้านแนวโน้มปี 2569 บริษัทคาดว่า ปริมาณจราจรจะเติบโตใกล้เคียง GDP ที่ประมาณ 2–3% โดยต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการเดินทางและการใช้บริการทางยกระดับ ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ แม้จะไม่กระทบต่อเส้นทางของ DMT โดยตรง แต่คาดว่าจะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์บางส่วน ซึ่งบริษัทติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น