สหรัฐอินโดนีเซีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.ค.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ผ่าน Truth Social เมื่อเวลา 01:09 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยทรัมป์ ระบุว่า ข้อตกลงครั้งนี้ถือเป็น “Great Deal” (ข้อตกลงที่ยอดเยี่ยม) และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ตลาดอินโดนีเซียทั้งหมดจะเปิดให้กับสหรัฐฯ อย่างเต็มรูปแบบ โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์เปิดเผยว่าได้บรรลุข้อตกลงโดยตรงกับประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ของอินโดนีเซีย ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่า อินโดนีเซียตกลงซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตรอเมริกัน 4,500 ล้านดอลลาร์ และเครื่องบินโบอิ้ง 50 ลำ ซึ่งหลายลำเป็นรุ่น 777 พร้อมเน้นว่าเป็นโอกาสครั้งแรกที่เกษตรกร ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ และชาวประมงอเมริกัน จะสามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคกว่า 280 ล้านคนในอินโดนีเซียได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังระบุว่า อินโดนีเซียจะจ่ายภาษีนำเข้าในอัตรา 19% สำหรับสินค้าทั้งหมดที่ส่งออกมายังสหรัฐฯ ขณะที่สินค้าส่งออกจากสหรัฐฯ ไปอินโดนีเซีย จะได้รับการยกเว้นทั้งภาษีนำเข้า (ภาษี 0%) และมาตรการกีดกันทางการค้า (Non Tariff Barrier Free) ทั้งนี้ หากมีสินค้าจากประเทศที่สามที่ถูกถ่ายโอนมาผ่านอินโดนีเซีย (สินค้าสวมสิทธิ์) ซึ่งถูกจัดเก็บภาษีในอัตราสูงกว่า (Transshipment) จะมีการบวกอัตราภาษีเพิ่มเติมเข้าไปในอัตราที่อินโดนีเซียต้องชำระ ทรัมป์ยังกล่าวขอบคุณประชาชนอินโดนีเซียสำหรับมิตรภาพและความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดุลการค้าระหว่างสองประเทศ พร้อมย้ำว่า “เราจะยังคงส่งมอบความสำเร็จเพื่อประชาชนอเมริกันและประชาชนอินโดนีเซียต่อไป” ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้เปิดเผยจดหมายแจ้งภาษีถึงรัฐบาลอินโดนีเซีย ในอัตรา 32% โดยจะเริ่มบังคับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 หากข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้จริง ในส่วนของอาเซียนนั้น ประเทศที่ถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีตอบโต้ ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์ 20% มาเลเซีย 25% สิงคโปร์ 10% (แต่มีแนวโน้มถูกปรับเพิ่มเป็น 15-20%) โดยปัจจุบันประเทศไทยยังถูกจัดเก็บภาษีเกิน 30% (36%) อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : “ทรัมป์” ประกาศบรรลุ “ดีลสุดยอดเยี่ยม” กับอินโดนีเซีย หลังขู่ขึ้นภาษี 32%