เอเปคด้านดิจิทัล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ ประจำปี 2568 (APEC 2025 Digital and AI Ministerial Meeting) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุม Songdo Convensia เมืองอินชอน สาธารณรัฐเกาหลี นายประเสริฐ กล่าวถึงการประชุมครั้งนี้ว่า จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “Digital and AI Transformation toward Prosperity and Sustainable Growth for All” โดยมีนายแบ คยองฮุน (Mr. BAE Kyunghoon) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาธารณรัฐเกาหลี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้แทนระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงจาก 21 เขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ในการประชุมช่วงที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “Facilitating Digital and AI Innovation to Address Challenges” นายประเสริฐได้กล่าวถ้อยแถลงว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจหลายด้าน อาทิ โครงสร้างสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาหนี้ครัวเรือน และกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ กระทรวงดีอี จึงกำหนดวิสัยทัศน์ “The Growth Engine of Thailand” มุ่งเน้นขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล การเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และการพัฒนาทุนมนุษย์ให้พร้อมรับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่ง อาทิ ระบบ ThaiD, ระบบ PromptPay และแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนด้าน AI และการยกระดับทักษะดิจิทัลให้กับแรงงานทุกช่วงวัย รวมถึงผู้สูงอายุ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังมุ่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ภายใต้กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ไปสู่อนาคตที่ครอบคลุม ปลอดภัย และยั่งยืนสำหรับประชาชนทุกคน ในการประชุมช่วงที่ 3 ภายใต้หัวข้อ “Creating a Safe and Trustworthy Digital and AI Ecosystem” นายประเสริฐได้กล่าวถึงแนวทางของประเทศไทยในการสร้างระบบนิเวศด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ท่ามกลางโอกาสและความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว นายประเสริฐ ระบุว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมีความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้งานและการสร้างความเชื่อมั่นผ่านนโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านอาชญากรรมออนไลน์ (AOC 1441) ซึ่งทำงานร่วมกับสถาบันการเงินและผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อป้องกันและระงับบัญชีและหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องสงสัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเวทีเอเปค ประเทศไทยยังสนับสนุนแผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยพร้อมผลักดันการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมนวัตกรรมผ่าน Sandbox ที่ปลอดภัย และการสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน เพื่อให้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI กลายเป็นเครื่องมือสร้างความไว้วางใจ และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อประชาชน นอกจากนี้ นายประเสริฐยังได้ใช้โอกาสในการประชุมครั้งนี้หารือทวิภาคีกับผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐของหลายประเทศ อาทิ สาธารณรัฐสิงคโปร์ และสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในอนาคต