โนคิงส์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ตุลาคม 2568) มีรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (18 ตุลาคม) ผู้ประท้วงนับแสนคนได้ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในหลายเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อแสดงพลังต่อต้านนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยการรวมตัวครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศ รายงานข่าวระบุว่า การประท้วงเกิดขึ้นพร้อมกันในหลายเมืองสำคัญ เช่น นครนิวยอร์ก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ชิคาโก ไมอามี และลอสแอนเจลิส โดยมีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมเพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยต่อทิศทางนโยบายของรัฐบาล สำหรับนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นศูนย์กลางหลักของการชุมนุม ผู้ประท้วงหลายพันคนได้รวมตัวกันบริเวณไทม์สแควร์ ปิดถนนและทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินบางส่วน พร้อมชูป้ายข้อความ “ประชาธิปไตย ไม่ใช่ราชาธิปไตย” และ “รัฐธรรมนูญ ต้องยึดถือ” เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพหลักการประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ด้านกรมตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) ประเมินว่า มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนบนถนนสายที่ 7 มากกว่า 20,000 คน และเมื่อรวมผู้ชุมนุมจากทั้งห้าเขตของนครนิวยอร์กแล้ว ตัวเลขผู้เข้าร่วมประท้วงมีมากกว่า 100,000 คน ภาพถ่ายทางอากาศเผยให้เห็นบริเวณไทม์สแควร์ที่แน่นขนัดไปด้วยผู้ประท้วง ขณะที่เสียงตะโกน “นี่แหละคือหน้าตาของประชาธิปไตย” ดังก้องไปทั่วใจกลางเมือง ท่ามกลางตึกระฟ้าที่รายล้อมและเสียงกลอง กระดึงวัว รวมถึงอุปกรณ์สร้างจังหวะต่าง ๆ ที่ผู้ชุมนุมใช้ในการเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง ระหว่างการชุมนุม เฮลิคอปเตอร์และโดรนบินลาดตระเวนเหนือพื้นที่เพื่อรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงแสดงกำลังอย่างชัดเจนแต่ไม่ได้เผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ประท้วงโดยตรง ขณะเดียวกัน ผู้จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “No Kings” (ไม่มีราชา) ได้ย้ำถึงจุดยืนในการประท้วงอย่างสันติ โดยเรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ พร้อมระบุในเว็บไซต์ทางการของกลุ่มว่า “การไม่ใช้ความรุนแรงคือหลักการสำคัญของการเคลื่อนไหวของเรา” ก่อนหน้าการประท้วง พันธมิตรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์การรวมตัวดังกล่าว โดยกล่าวหาว่าการชุมนุมมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนักเคลื่อนไหว “แอนติฟา” (Antifa) ซึ่งมีแนวคิดต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ และระบุว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็น “การชุมนุมที่เกลียดชังอเมริกา” อย่างไรก็ตาม การชุมนุมประท้วงเมื่อวันเสาร์เป็นไปอย่างสงบตลอดทั้งวัน โดยไม่มีรายงานเหตุความรุนแรงหรือการจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ทั้งนี้ การประท้วงได้เกิดขึ้นในหลายรัฐทั่วสหรัฐฯ ครอบคลุมตั้งแต่ชายฝั่งตะวันออกจนถึงชายฝั่งตะวันตก สะท้อนให้เห็นถึงกระแสความไม่พอใจครั้งใหม่ต่อแนวนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยผู้ชุมนุมต่างยืนยันจุดยืนเรียกร้องให้รัฐบาลเคารพคุณค่าตามรัฐธรรมนูญ และยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตยซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเคลื่อนไหวครั้งนี้