โรงงานภูเก็ต

บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 2 ปี 2568 ภายหลังจากตลท.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การขาดทุนจากงานโครงการย่อย, เงินประกันเช่าโรงงานและเครื่องจักร, และการตั้งค่าเผื่อขาดทุนด้านเครดิตรวม โดยบริษัทระบุว่า การขาดทุนจากโครงการจำนวน 69.57 ล้านบาท มาจาก กิจการร่วมค้า “สหไฮโดร ปทุมธานี 2” ซึ่งบริษัทถือหุ้น 51% ดำเนินงานก่อสร้างโครงการ “ขยายระบบประปารังสิตใต้ ระยะที่ 2” ของการประปาภูมิภาค มูลค่างานรวม 482 ล้านบาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 และปัจจุบันมีความคืบหน้าประมาณ 91% อย่างไรก็ตาม โครงการเกิดความล่าช้าจากปัญหาสภาพคล่องของผู้รับเหมาช่วงรายเดิม บริษัทจึงตัดสินใจเปลี่ยนผู้รับเหมาช่วงรายใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 โดยได้บันทึกขาดทุนจากโครงการในงวดปัจจุบัน เพื่อสะท้อนต้นทุนจริงและรักษามาตรฐานการรายงานทางการเงินตามหลักบัญชี ในส่วนของ เงินประกันการเช่าโรงงานและเครื่องจักรจำนวน 150 ล้านบาท บริษัทชี้แจงว่า เป็นการเช่าโรงงานพร้อมเครื่องจักรและ Plant Concrete ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตและพรีแคสต์ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและโรงแรมในพื้นที่ โดยมีสัญญาเช่า 3 ปี มูลค่าเช่ารวม 30 ล้านบาทต่อปี พร้อมเงื่อนไขต่อสัญญาได้อีก 3 ปี ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายฐานงานในภูมิภาคท่องเที่ยวหลักของประเทศ ขณะเดียวกัน บริษัทได้รายงานสถานะการติดตามลูกหนี้ค้างชำระ ซึ่งมีการตั้งค่าเผื่อขาดทุนด้านเครดิตรวม 103 ล้านบาท ตามมาตรฐานบัญชี โดยลูกหนี้สำคัญประกอบด้วย เทศบาลเมืองตาก ซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว บริษัท เอสยูที โกลบอล จำกัด อยู่ระหว่างทยอยชำระหนี้ครบตามเช็คลงวันที่ล่วงหน้า คดีโครงการยูนนาน อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ บริษัทระบุว่าได้ดำเนินการติดตามลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และจัดทำรายงานต่อคณะกรรมการตรวจสอบเป็นรายไตรมาส เพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารลูกหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับกฎหมาย ทั้งนี้ HYDRO ยืนยันว่า การขาดทุนจากโครงการและการตั้งสำรองดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินในระยะยาว เนื่องจากเป็นการบันทึกเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างงานก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน และขยายธุรกิจเชิงรุก โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและมาตรฐานบัญชีอย่างเคร่งครัด เพื่อเสริมเสถียรภาพและสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ถือหุ้น