Intermediate Chemicals

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568 พบว่าพลิกขาดทุนสุทธิ ดังนี้ บริษัทรายงานผลดำเนินการงวดไตรมาส 1/68 พลิกขาดทุนสุทธิ 1,312.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันมีกำไรสุทธิ 1,133.00 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากรายงานรายได้รวม 3,487 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 127,275 ล้านบาท) ในไตรมาสที่ 1/68 ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 3,812 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงการผลิตที่ลดลงเป็นหลักอันเนื่องมาจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนงานในโรงงาน Intermediate Chemicals จำนวน 2 แห่ง รวมถึงผลกระทบจากภาวะหนาวจัดในสหรัฐฯ ด้านปริมาณการผลิตลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน เป็น 3.27 ล้านเมตริกตัน (MMT) ขณะที่ ปริมาณการขายลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและ 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเหลือ 3.24 ล้านเมตริกตัน MMT ส่วนสินค้าคงคลังยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสก่อน โดยการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มาจากการลดลงของสินค้าคงคลังในกลุ่ม Intermediate Chemicals แต่มีการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังในอเมริกาใต้ เพื่อเตรียมการสำรองในช่วงซ่อมบำรุงประจำวาระตามแผนที่จะเกิดขึ้น โดยปัจจุบันภาวะดังกล่าวได้กลับเป็นปกติแล้วในไตรมาสที่ 2 ทั้งนี้ ไตรมาส 1/68 บริษัทฯรายงาน Adj. EBITDA อยู่ที่ 276 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมการปรับผลกระทบจากภาวะหนาวจัด มูลค่า 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับเป็นไตรมาสที่ผลงานต่ำกว่าคาด กล่าวคือ ลดลง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและลดลง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน สาเหตุหลักมาจากผลการดำเนินงานในกลุ่ม CPET ขณะที่กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ยังคงมีความแข็งแกร่ง อีกทั้ง กลุ่มธุรกิจ CPET และ Intermediate Chemicals รายงาน Adj. EBITDA อยู่ที่ 126 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและลดลง 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน โดยได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานแครกเกอร์ที่ Lake Charles และโรงงานไกลคอลที่ Clear Lake รวมถึงความกดดันจาก benchmark spreads ของ integratedPET และ MTBE ประกอบกับอัตราค่าระวางเรือที่ลดลงและต้นทุนพลงังานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มธุรกิจ Indovinya รายงานอยู่ที่ 89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน โดยได้รับแรงหนุนจากประสิทธิภาพด้าน ตน้ ทุนคงที่ดีขึ้น ตลอดทั้งปีปริมาณการขายปรับตัวดีขึ้น โดยผลประกอบการที่ดีขึ้นเทียบกับไตรมาสก่อนมาจากแรงหนุนของกำไรจากผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) ปรับตัวดีขึ้น สำหรับ ธุรกิจ Fibers มีการเติบโตที่แข็งแกร่งรายงานอยู่ที่ 47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกัน โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณขาย ที่เพิ่มขึ้นในตลาดปลายทางโดยรวมและจากกำไรที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene ส่วนต้นทุนคงที่โดยรวมของบริษัทฯ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าประมาณ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และลดลงประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยหลกัมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์และมาตรการการจัดการของฝ่ายบริหาร ต้นทุนคงที่ลดลงได้ประโยชน์จากการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์คิดเป็น 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากไตรมาสก่อนและ 33ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบจากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์ถึง IVL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท ธีม China Play คงมุมมองปี 68 ฟื้นสูงเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดกำไรปกติราว 1.1 หมื่นล้านบาท ได้แรงหนุนของค่าใช้จ่ายคงที่ลดลงเต็มปี หลังทยอยปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไร, integrated spread PET ฟื้นตัวจาก new supply ที่เข้ามาลดลง และโรงผลิตบางส่วน cut run และ stock loss ลดลง ตามการเก็บวัตถุดิบหลังผ่านช่วงแรกของการ optimize asset ด้าน Valuation หุ้น IVL ซื้อขายที่ระดับ PBV ปี 68 ต่ำกว่า 1.0 เท่า ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่ายังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และมี upside ที่น่าสนใจในระยะกลาง สำหรับ Catalyst สำคัญที่หนุนมุมมองเชิงบวก ได้แก่ กระแสเชิงบวกของหุ้นกลุ่ม China Play หลังมีรายงานว่าจีนเตรียมเจรจากับสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการกีดกันการค้าในสัปดาห์นี้ และจีนเตรียมแถลงมาตรการกระตุ้นตลาดการเงินเพิ่มเติมภายในวันนี้ นอกจากนี้ Spread ผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ (PET) integrated spread เพิ่มขึ้น 10% จากสัปดาห์ก่อน (w-w) ราคาปรับขึ้นได้ high season หนุน