TISCO คาดผลประกอบปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังศก.ฟื้น-ตั้งสำรองลดลง

TISCO คาดผลประกอบปีนี้ดีกว่าปีก่อน หลังศก.ฟื้น-ตั้งสำรองลดลง ขณะที่สินเชื่อ-NPL ทรงตัว


นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะออกมาดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ 5,005.40 ล้านบาท ตามเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 3-3.5% จากปี 59 ที่ขยายตัวได้ 3.2% โดยได้รับผลดีจากการลงทุนภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ประกอบกับ ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงจะช่วยให้การส่งออกปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะกลับมาฟื้นตัวเป็นปีแรก หลังจากที่หดตัวมาตลาด 5 ปี โดยคาดว่าจะมียอดขายในประเทศที่ 8 แสนคัน จากปีก่อนที่ 7.7 แสนคัน อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐว่าจะออกมาในทิศทางได เนื่องจากหากมีการปรับขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลให้เงินทุนไหลกลับ และเกิดความผันผวนของค่าเงินในภูมิภาคเอเชีย

สำหรับการเติบโตของสินเชื่อ TISCO ไม่รวมการเข้าซื้อพอร์ตลูกค้ารายย่อยจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์ด (ไทย) (SCBT) ซึ่งคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จภายในปีนี้นั้น เบื้องต้นคาดว่าสินเชื่อจะยังทรงตัวใกล้เคียง 2.25 แสนล้านบาทในปี 59 หรือ พลิกฟื้นขึ้นมาไม่ติดลบหลังจากปีก่อนหดตัวไปถึง 5.6% โดยผลกระทบส่วนใหญ่มาจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ชะลอตัวมาต่อเนื่องถึง 5 ปี ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเป็นปีแรกที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศกลับมาฟื้นตัว หลังจากรถในโครงการรถคันแรกที่จะครบกำหนดการถือครอง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และอาจมองหาโอกาสซื้อรถคันใหม่

ทุกอย่างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มของเศรษฐกิจไทย แนวโน้มกลับมาเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมไปถึงภาพรวมการส่งออกด้วย เราจึงเชื่อว่าปีนี้สินเชื่อที่ไม่รวมกับ SCBT จะไม่ติดลบ แต่เรายังไม่ขอยืนยันและคาดการว่าจะเติบโตเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าหากรวมกับ SCBT เข้ามาแล้วจะทำให้สินเชื่อของเราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งตอนนี้ตัวเลขต่างๆจะยังไม่นิ่ง ซึ่งต้องมาดูตัวเลขอีกครั้งในเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. ที่มีความชัดเจนตัวเลขต่างๆแล้ว”นายสุทัศน์ กล่าว

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้จะทรงตัว หรืออาจลดลงเล็กน้อยจากปี 59 ที่อยู่ในระดับ 2.54% เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ และยอดขายรถยนต์ที่ดีขึ้น ส่งผลให้ปีนี้ธนาคารคาดว่าจะมีการตั้งสำรองที่ลดลงจากปีก่อนที่ตั้งสำรองไปมากกว่า 4 พันล้านบาท และ จากการที่ธนาคารแก้ปัญหาหนี้ของ บริษัทสหวิริยาอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SSI เป็นที่เรียบร้อยทำให้สัดส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverate ratio) อยู่ที่ 139.8% สูงกว่าระบบที่อยู่ในระดับ 130%

 

Back to top button