SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ คัด 11 หุ้นเด่นน่าลงทุน มีปัจจัยหนุน

SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ ให้กรอบการแกว่ง 1,565-1,575 จุด ลุ้นผลเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรกวันอาทิตย์นี้ พร้อมติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าในคาบสมุทรเกาหลี - คัด 4 หุ้นเด่นน่าลงทุน มีปัจจัยหนุน นำโดย SCC, PTTEP, HMPRO, DCC, ESSO, PTTGC, SUSCO, KKP, AOT, AAV และ MALEE


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (21 เม.ย.) แกว่งไซด์เวย์-รีบาวด์ตามตลาดภูมิภาคขานรับสหรัฐใกล้ประกาศมาตรการลดภาษี แต่ยังต้องรอผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรก 23 เม.ย.นี้ ส่วนงบฯแบงก์ส่วนใหญ่ออกมาเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ KKP, BAY

ขณะที่ตลาดฯยังขาดปัจจัยใหม่หนุน และยังต้องติดตามสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีสัปดาห์หน้า บ่ายแนะเลือกเก็งรายตัวจากสัปดาห์หน้า SCC, PTTEP, HMPRO, DCC เปิดงบฯ Q1/60 ให้กรอบการแกว่ง 1,565-1,575 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ โดยรีบาวด์ขึ้นมาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ขานรับมาตรการลดภาษีของสหรัฐฯที่ใกล้จะประกาศในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ดี ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาฯก่อน

นอกจากนี้ ตลาดฯ ยังรอลุ้นผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบแรกวันที่ 23 เม.ย.นี้ และสัปดาห์หน้าก็ยังต้องติดตามความคืบหน้าสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี

ส่วนผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ส่วนใหญ่ก็ประกาศออกมาแล้ว เหลือแค่ KKP กับ BAY ซึ่งไม่ได้มีนัยมากนัก โดยสิ่งที่นักลงทุนกังวลคือการเพิ่มขึ้นของ NPL แต่ในส่วนกำไรโดยรวมก็ถือว่าออกมาดี อย่างไรก็ดี ขณะนี้ตลาดฯก็ยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามา

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แต่ยังสามารถเลือกเล่นเก็งกำไรเป็นรายตัวได้ โดยเฉพาะจากประเด็นคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่น่าจะออกมาดี โดยสัปดาห์หน้า SCC, PTTEP, HMPRO, DCC จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/60 พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,565-1,575 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 เม.ย.) SET ปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย อ่อนแอกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาค หลัง NPL ทั้งระบบธนาคารยังเพิ่มขึ้น เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อการปรับฐานของ SET จนกว่า SET จะปรับขึ้นเหนือ 1,575 จุดได้ (เพื่อยืนยันว่า SET จะมี mmetum ที่ดีต่อ) เนื่องจาก Valuati ของ SET ตึงตัว และตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวช้ากว่าคาดโดยเฉพาะภาคการบริโภค

ซึ่งมีโอกาสกดดันปัญหา NPL ที่งบหุ้นธนาคารล่าสุด บ่งชี้ว่าการลดลงของ NPL อาจเกิดขึ้นได้ช้า ยังไม่แนะนำการเพิ่มน้ำหนักลงทุน และแนะนำ “ซื้อ” กลุ่มหุ้นที่ คาดงบไตรมาส 1/60 แข็งแกร่ง เช่น ESSO PTTGC SUSCO และปันผลสูง เช่น KKP (คาดไม่มีปัญหา NPL) และ LH (pesales ดี, รายได้ค่าเช่าโต) ขณะที่หุ้นที่คาดธุรกิจจะฟื้นตัว เช่น AOT AAV และ MALEE 

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” PTTGC โดย Spread ปิโตรฯ ทรงตัวในระดับสูง คาดงบไตรมาส 1/60 ออกมาดี ให้เป้าหมายพื้นฐาน 84 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/60 โตแข็งแกร่ง ขณะที่การซื้อธุรกิจ Polypropylene จาก PTT และกำลังการผลิต LDPE ที่เพิ่มขึ้น 4 แสนตัน/ปีในปี 2561 สนับสนุนการเติบโตกำไร 30-14% ปี 2560-2561

โดยทางเทคนิค ราคาหุ้นพยายามเข้าทดสอบ 74.5 บ. หลายครั้ง มีโอกาสผ่านไปได้ เป้าถัดไปตามกรอบ ที่ 76.50 และ 78 บาท

 

สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

AOT   มูลค่าการซื้อขาย 997.72 ล้านบาท ปิดที่  41.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

BBL   มูลค่าการซื้อขาย 951.11 ล้านบาท ปิดที่ 178.50 บาท ลดลง  1.50 บาท

KTB   มูลค่าการซื้อขาย 629.93 ล้านบาท ปิดที่  19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

CPALL   มูลค่าการซื้อขาย 471.67 ล้านบาท ปิดที่  61.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

ADVANC   มูลค่าการซื้อขาย 466.69 ล้านบาท ปิดที่ 175.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

Back to top button