เอาเปรียบตามกติกา

พรรคสามัญชนชูสปอตหาเสียง ถ้าไม่เห็นด้วยกับเผด็จการทหาร ลงคะแนนให้พรรคสามัญชน ไม่มีอะไรต้องสูญเสีย นอกจากโซ่ตรวน


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง 

พรรคสามัญชนชูสปอตหาเสียง ถ้าไม่เห็นด้วยกับเผด็จการทหาร ลงคะแนนให้พรรคสามัญชน ไม่มีอะไรต้องสูญเสีย นอกจากโซ่ตรวน

ปรากฏว่า กกต.ขอให้เปลี่ยน เอาคำว่า “เผด็จการทหาร” และ “โซ่ตรวน” ออกไป เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ หัวหน้าพรรคยืนยันไม่เปลี่ยน ก็ยังไม่ทราบว่า กกต.จะตัดสิทธิ หรือยื่นยุบพรรคฐานเป็น “ปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือไม่

เพราะ “ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ” ไม่เหมือนชาติใดในโลก หาเสียงต้านเผด็จการก็ไม่ได้ หาเสียงลดงบทหารก็ไม่ได้ หาว่าปลุกความเกลียดชัง ทั้งที่พวกตัวเองถือปืนเปิดเพลง “หนักแผ่นดิน” ปลุกใจอยู่ในค่าย พรรคประชานิยมติดป้ายให้คนฮือฮา เลิกซื้อรถถังเอาเงินไปสร้างโรงพยาบาล ก็โดน กกต.สั่งปลดไม่ทราบ กกต.ต้องยุ่งอะไร หาเสียงเว่อร์ไปทำได้จริงไหม ประชาชนมีวิจารณญาณ

การเลือกตั้งโดยสงบของ กกต. คือห้ามโจมตีกันว่าเป็นเผด็จการ สืบทอดอำนาจ ห้ามเอาทหารและ คสช.มาเกี่ยวข้อง ทุกพรรคเป็นประชาธิปไตยทั้งนั้น ไม่ว่าพรรคที่เคยปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง หรือพรรคที่ชูหัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นแคนดิเดตนายกฯ

ทั้งที่ความเป็นจริง ก็เห็นกันว่าเลือกตั้งใต้อำนาจเผด็จการ กระทั่ง 7 กกต.ก็มาจากการสรรหาและลงมติโดย สนช.ที่ คสช.แต่งตั้ง ยังจะให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นกลาง

เออ ถ้าเลือกตั้งแข่งขันเสรี ภายใต้กติกาเท่าเทียม ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่พรรคการเมืองอื่นเริ่มต้นจาก 0 ท่านผู้นำเริ่มต้นจาก 250 มีอำนาจตั้ง 250 ส.ว.มาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ ยังบอกว่าอย่าดูถูก 250 คนมีสมอง รักประเทศ ฯลฯ ตรรกะวิปริตเห็น ๆ

เป็นหัวหน้า คสช. ม.44 เป็นนายกฯ ที่มีอำนาจเต็ม แล้วมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ถามว่าไปดีเบตได้ไหม ช่วยพรรคหาเสียงได้ไหม

กกต.บอกว่าดีเบตได้ ทุกคนก็ดีใจ ยึดทีวีทุกช่องพูดคนเดียวมาห้าปี พูดโดยมีคู่แข่งซักทีจะกล้าไหม

แล้วช่วยพรรคหาเสียงได้ไหม ก็น่าจะได้สิ แต่ยอมรับกติกาเดียวกันกับรัฐบาลจากเลือกตั้งหรือเปล่า เช่นรัฐบาลอภิสิทธิ์ปี 54 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปี 57 ครม.สัญจร เดินสายแจกของ หรือทำอะไรที่เอื้อประโยชน์ไม่ได้ อนุมัติงบผูกพันไม่ได้ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการก็ไม่ได้ ต้องมีไฟเขียวจาก กกต.

ไปหาเสียงก็ต้องนอกเวลาราชการ ห้ามใช้รถนำห้ามใช้รถประจำตำแหน่ง ห้ามขึ้นเครื่องซี 130 ของกองทัพ จะได้ไม่ต้องโดนแช่งให้เครื่องตก เสียดายทรัพย์สินราชการ ไปจังหวัดไหนก็ห้ามผู้ว่าฯ ทหารตำรวจมาต้อนรับ ห้ามใช้ รปภ.นายกฯ ต้องจ้างรปภ.เอกชน ใช้คนขับรถส่วนตัว แล้วจะโชว์ว่าเกิดมาเพิ่งเคยกินข้าวกล่องในรถ ก็ไม่มีใครว่า

แต่ไม่ใช่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ก็หาเหตุไปตรวจราชการพร่ำเพรื่อ ไปแจกโฉนด ไปให้ประโยชน์โน่นนี่ โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ใช้ทรัพย์สินราชการ โดยอ้างว่าไม่ได้หาเสียง แต่ระดมประชาชนมาเชียร์ ข้าราชการมาต้อนรับ ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐก็บังเอิญมาด้วย หรือมาตามหลัง

นี่ถ้าย้อนไปดู ระเบียบ กกต.ตั้งแต่ปี 54 ที่ใช้กับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็เขียนไว้ชัด แต่ใช้กับรัฐบาลนี้ไม่ได้เพราะเป็นรัฐบาลอำนาจเต็ม ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการระหว่างยุบสภา

ถ้า กกต.ตีความว่านอกเวลาราชการไปหาเสียงช่วยพรรคได้ แต่ในเวลาราชการยังไปตรวจเยี่ยมประชาชนได้ ก็คงสนุกพิลึก

อยากทำอะไรก็ทำ แต่การเมืองคือการเอาชนะใจคน ไม่เหมือนยึดอำนาจ ที่จะด้านอย่างไรก็ได้

 

Back to top button